ฉันฟุบหน้าลงบนชักโครกของสีชิงชวนแล้วอาเจียนออกมาจนรู้สึกหน้ามืดไปหมด อาหารเย็นที่ทานมาก็อาเจียนออกไปจนหมด ฉันใช้เวลาอาเจียนอยู่นานมากถึงจะลุกออกมาบ้วนปากที่อ่างล้างหน้าได้
ฉันอาเจียนจนรู้สึกเวียนหัวไปหมด เมื่อบ้วนปากเสร็จก็ใช้ทิชชูเช็ดจนสะอาดแล้วหมุนตัวออกไป สีชิงชวนยืนพิงกรอบประตูอย่างเฉยเมยแล้วมองฉันอย่างไม่ทุกข์ร้อน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความยั่วเย้า
“กินไรน้ำเข้าไปมันไม่ตายหรอก มีประโยชน์จะตาย”
ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขา เพราะตอนนี้ฉันไม่มีแรง แถมยังมีเรื่องต้องขอร้องเขาอีก ไม่นานฉันก็กลับไปนั่งบนโซฟาอีกครั้งและหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
“คุณยังมีแรงมาเจรจาธุรกิจกับผมอีกเหรอ?” เขาเดินไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำแล้วเทน้ำที่เหลือในขวดใส่แก้ว “น้ำนี่คุณดื่มได้”
ตอนนี้ฉันเห็นถ้วยชาแล้วรู้สึกพะอืดพะอมอยากจะอาเจียน ให้ตายฉันก็ไม่ดื่มมันอีกแล้ว
“ฉันขอโทษเรื่องในที่ทำงานคุณวันนี้ แต่ฉันยังไม่ได้รับช่วงต่อจากเซียวซื่อกรุ๊ปอย่างเป็นทางการ ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง ฉันก็เลยตอบโต้อะไรออกมาไม่ได้ หวังว่าคุณจะให้โอกาสนี้กับเซียวซื่อกรุ๊ปอีกครั้ง”
“โอกาสของผมให้ได้แค่ครั้งเดียว ผมจะร่วมงานกับแม่เลี้ยงคุณ ผมบอกไปแล้ว” เขาพูดอย่างเย่อหยิ่ง ฉันใกล้จะระเบิดอารมณ์ออกมาทุกทีแต่ยังต้องทำเป็นไม่โกรธ
“อย่าเลยนะ” ฉันบอก “ฉันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อำนาจในการวางแผนบางอย่างของบริษัทยังต้องขึ้นอยู่กับฉัน ถึงคุณจะร่วมงานกับคุณน้า บางเรื่องก็ต้องผ่านฉันอยู่ดี”
“ใครสอนให้คุณพูดแบบนี้?” เขาเลิกคิ้วขึ้น “ทนายคนนั้นเหรอ?”
หนีอีโจวสอนฉันจริงๆ ฉันเป็นผู้บริหารมือใหม่ ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง
เมื่อฉันไม่พูดอะไร เขาก็พูดขึ้นอีก “เสนาธิการหัวหมาที่ออกความคิดเห็นไร้ค่าพวกนี้ให้คุณไม่ได้บอกคุณเหรอ ว่าถึงผมจะเลือกคนที่มีอำนาจในการวางแผนน้อยกว่าคุณ แต่ในเมื่อผมเลือกเธอแล้ว ผมก็ต้องคิดถึงส่วนนี้ไว้แล้ว”
“เพราะถึงคุณน้าจะมีอำนาจในการวางแผนน้อยกว่าฉัน แต่เธอมีรากฐานที่ลึกกว่าฉัน เบื้องหลังเธอยังมีคณะกรรมการบริหารที่มีอำนาจหนุนหลังเธออยู่”
“ทนายคนนั้นก็สอนอันนี้คุณเหมือนกันเหรอ?”
จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอก ฉันเพิ่งคิดมันได้เมื่อกี้ แต่ฉันทำเพียงยิ้มให้เขาไปไม่พูดอะไร
สีชิงชวนชอบคิดว่าฉันโง่ ความจริงแล้วฉันรู้ว่าฉันไม่ได้ถือว่าโง่ เพราะตอนเด็กๆ แม่มักจะสอนฉันว่า คนฉลาดต้องรู้จักซ่อนความฉลาดของตัวเองไว้ ถ้าไปโอ้อวดความฉลาดของตัวเอง คนแบบนั้นต่างหากที่เรียกว่าคนโง่
เขาลดระดับสายตาลง “เมื่อตอนบ่ายคุณทำผมไม่สบอารมณ์ ผมไม่ร่วมงานกับคุณหรอกนะ ถ้าคุณไม่มีเหตุผลที่ดีมากพอ ตอนนี้คุณกลับไปได้แล้ว ผมจะพักผ่อน”
ขนตาของเขายาวมาก แถมยังงอนอีก สีชิงชวนนี่ช่างเป็นลูกรักพระเจ้าจริงๆ ท่านต้องรักเขามากแน่ๆ ถึงมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขามาหมดทุกอย่างแบบนี้
รูปร่างหน้าตางดงาม ฐานะร่ำรวย และสติปัญญาอันชาญฉลาด แต่เขาไม่ได้เพอร์เฟกต์นะ เส้นหัวใจของเขามันโคตรยุ่งและโคตรจะซับซ้อนเลย
ฉันมองเขาอย่างเหม่อลอย และเขาเริ่มหงุดหงิดจนต้องหยิบหมอนบนโซฟามาเขวี้ยงใส่ฉัน “ออกไป”
เมื่อกี้ยังจะรวบหัวรวบหางฉันอยู่เลย ตอนนี้มาไล่กันซะแล้ว ซึ่งฉันก็ชินกับอารมณ์ผีเข้าผีออกแบบนี้ของเขาแล้วล่ะ
ฉันถูกเขาไล่ออกจากห้อง รู้อยู่แล้วว่าเขาจะไม่ตอบตกลงโดยง่ายหรอก เมื่อตอนบ่ายฉันปฏิเสธเขา เขาเป็นคนใจแคบขนาดนี้คงต้องเอาคืนด้วยวิธีการร้อยแปดพันเก้าอย่างแน่นอน
ฉันกลับไปที่ห้องของตัวเอง ทันใดนั้นก็พบว่าสีจิ่นยวนกำลังนั่งอุ้มเจ้ามาร์ชเมลโล่อยู่บนโซฟาของฉัน
“คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง?”
ทันทีที่เขาปล่อยมือ เจ้ามาร์ชเมลโล่ก็วิ่งจากอ้อมกอดเขามาใกล้ๆ เท้าของฉัน มันล้มตัวลงดัง ‘ตุ้บ’
เวลาที่มันเห็นฉันมันมักจะทำตัวนุ่มนิ่มและล้มตัวลงได้ง่ายๆ ฉันคุกเข่าลงแล้วลูบขนนุ่มๆ ของมัน ไม่เจอกันไม่กี่วันมันอ้วนขึ้นเยอะเลย คงจะกินเก่งไม่เบา
“มาร์ชเมลโล่คิดถึงคุณ ก็เลยพามันมาหาคุณไง!” สีจิ่นยวนหัวเราะคิกคัก
“มันพูดไม่ได้สักหน่อย คุณรู้ได้ไง” ฉันกอดเจ้ามาร์ชเมลโล่เอาไว้ รู้สึกว่ามันโตขึ้นนิดหน่อย “ทำไมมันโตเร็วจัง? รูปร่างแบบนี้เหมือนไม่ใช่หมาเลย!”
สีจิ่นยวนก็เดินเข้ามาคุกเข่าลงแล้วลูบหัวของเจ้ามาร์ชเมลโล่เช่นกัน “มันอ้วนน่ะ คุณดูสิมันน่ารักนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...