พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 73

ฉันฟุบหน้าลงบนชักโครกของสีชิงชวนแล้วอาเจียนออกมาจนรู้สึกหน้ามืดไปหมด อาหารเย็นที่ทานมาก็อาเจียนออกไปจนหมด ฉันใช้เวลาอาเจียนอยู่นานมากถึงจะลุกออกมาบ้วนปากที่อ่างล้างหน้าได้

ฉันอาเจียนจนรู้สึกเวียนหัวไปหมด เมื่อบ้วนปากเสร็จก็ใช้ทิชชูเช็ดจนสะอาดแล้วหมุนตัวออกไป สีชิงชวนยืนพิงกรอบประตูอย่างเฉยเมยแล้วมองฉันอย่างไม่ทุกข์ร้อน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความยั่วเย้า

“กินไรน้ำเข้าไปมันไม่ตายหรอก มีประโยชน์จะตาย”

ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขา เพราะตอนนี้ฉันไม่มีแรง แถมยังมีเรื่องต้องขอร้องเขาอีก ไม่นานฉันก็กลับไปนั่งบนโซฟาอีกครั้งและหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

“คุณยังมีแรงมาเจรจาธุรกิจกับผมอีกเหรอ?” เขาเดินไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำแล้วเทน้ำที่เหลือในขวดใส่แก้ว “น้ำนี่คุณดื่มได้”

ตอนนี้ฉันเห็นถ้วยชาแล้วรู้สึกพะอืดพะอมอยากจะอาเจียน ให้ตายฉันก็ไม่ดื่มมันอีกแล้ว

“ฉันขอโทษเรื่องในที่ทำงานคุณวันนี้ แต่ฉันยังไม่ได้รับช่วงต่อจากเซียวซื่อกรุ๊ปอย่างเป็นทางการ ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง ฉันก็เลยตอบโต้อะไรออกมาไม่ได้ หวังว่าคุณจะให้โอกาสนี้กับเซียวซื่อกรุ๊ปอีกครั้ง”

“โอกาสของผมให้ได้แค่ครั้งเดียว ผมจะร่วมงานกับแม่เลี้ยงคุณ ผมบอกไปแล้ว” เขาพูดอย่างเย่อหยิ่ง ฉันใกล้จะระเบิดอารมณ์ออกมาทุกทีแต่ยังต้องทำเป็นไม่โกรธ

“อย่าเลยนะ” ฉันบอก “ฉันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อำนาจในการวางแผนบางอย่างของบริษัทยังต้องขึ้นอยู่กับฉัน ถึงคุณจะร่วมงานกับคุณน้า บางเรื่องก็ต้องผ่านฉันอยู่ดี”

“ใครสอนให้คุณพูดแบบนี้?” เขาเลิกคิ้วขึ้น “ทนายคนนั้นเหรอ?”

หนีอีโจวสอนฉันจริงๆ ฉันเป็นผู้บริหารมือใหม่ ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง

เมื่อฉันไม่พูดอะไร เขาก็พูดขึ้นอีก “เสนาธิการหัวหมาที่ออกความคิดเห็นไร้ค่าพวกนี้ให้คุณไม่ได้บอกคุณเหรอ ว่าถึงผมจะเลือกคนที่มีอำนาจในการวางแผนน้อยกว่าคุณ แต่ในเมื่อผมเลือกเธอแล้ว ผมก็ต้องคิดถึงส่วนนี้ไว้แล้ว”

“เพราะถึงคุณน้าจะมีอำนาจในการวางแผนน้อยกว่าฉัน แต่เธอมีรากฐานที่ลึกกว่าฉัน เบื้องหลังเธอยังมีคณะกรรมการบริหารที่มีอำนาจหนุนหลังเธออยู่”

“ทนายคนนั้นก็สอนอันนี้คุณเหมือนกันเหรอ?”

จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอก ฉันเพิ่งคิดมันได้เมื่อกี้ แต่ฉันทำเพียงยิ้มให้เขาไปไม่พูดอะไร

สีชิงชวนชอบคิดว่าฉันโง่ ความจริงแล้วฉันรู้ว่าฉันไม่ได้ถือว่าโง่ เพราะตอนเด็กๆ แม่มักจะสอนฉันว่า คนฉลาดต้องรู้จักซ่อนความฉลาดของตัวเองไว้ ถ้าไปโอ้อวดความฉลาดของตัวเอง คนแบบนั้นต่างหากที่เรียกว่าคนโง่

เขาลดระดับสายตาลง “เมื่อตอนบ่ายคุณทำผมไม่สบอารมณ์ ผมไม่ร่วมงานกับคุณหรอกนะ ถ้าคุณไม่มีเหตุผลที่ดีมากพอ ตอนนี้คุณกลับไปได้แล้ว ผมจะพักผ่อน”

ขนตาของเขายาวมาก แถมยังงอนอีก สีชิงชวนนี่ช่างเป็นลูกรักพระเจ้าจริงๆ ท่านต้องรักเขามากแน่ๆ ถึงมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขามาหมดทุกอย่างแบบนี้

รูปร่างหน้าตางดงาม ฐานะร่ำรวย และสติปัญญาอันชาญฉลาด แต่เขาไม่ได้เพอร์เฟกต์นะ เส้นหัวใจของเขามันโคตรยุ่งและโคตรจะซับซ้อนเลย

ฉันมองเขาอย่างเหม่อลอย และเขาเริ่มหงุดหงิดจนต้องหยิบหมอนบนโซฟามาเขวี้ยงใส่ฉัน “ออกไป”

เมื่อกี้ยังจะรวบหัวรวบหางฉันอยู่เลย ตอนนี้มาไล่กันซะแล้ว ซึ่งฉันก็ชินกับอารมณ์ผีเข้าผีออกแบบนี้ของเขาแล้วล่ะ

ฉันถูกเขาไล่ออกจากห้อง รู้อยู่แล้วว่าเขาจะไม่ตอบตกลงโดยง่ายหรอก เมื่อตอนบ่ายฉันปฏิเสธเขา เขาเป็นคนใจแคบขนาดนี้คงต้องเอาคืนด้วยวิธีการร้อยแปดพันเก้าอย่างแน่นอน

ฉันกลับไปที่ห้องของตัวเอง ทันใดนั้นก็พบว่าสีจิ่นยวนกำลังนั่งอุ้มเจ้ามาร์ชเมลโล่อยู่บนโซฟาของฉัน

“คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง?”

ทันทีที่เขาปล่อยมือ เจ้ามาร์ชเมลโล่ก็วิ่งจากอ้อมกอดเขามาใกล้ๆ เท้าของฉัน มันล้มตัวลงดัง ‘ตุ้บ’

เวลาที่มันเห็นฉันมันมักจะทำตัวนุ่มนิ่มและล้มตัวลงได้ง่ายๆ ฉันคุกเข่าลงแล้วลูบขนนุ่มๆ ของมัน ไม่เจอกันไม่กี่วันมันอ้วนขึ้นเยอะเลย คงจะกินเก่งไม่เบา

“มาร์ชเมลโล่คิดถึงคุณ ก็เลยพามันมาหาคุณไง!” สีจิ่นยวนหัวเราะคิกคัก

“มันพูดไม่ได้สักหน่อย คุณรู้ได้ไง” ฉันกอดเจ้ามาร์ชเมลโล่เอาไว้ รู้สึกว่ามันโตขึ้นนิดหน่อย “ทำไมมันโตเร็วจัง? รูปร่างแบบนี้เหมือนไม่ใช่หมาเลย!”

สีจิ่นยวนก็เดินเข้ามาคุกเข่าลงแล้วลูบหัวของเจ้ามาร์ชเมลโล่เช่นกัน “มันอ้วนน่ะ คุณดูสิมันน่ารักนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)