ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ามาร์ชเมลโล่มานอนกับฉันที่นี่คืนแรก สีชิงชวนก็หนีมานอนที่ห้องฉันเช่นกัน ฉันรู้สึกหวาดกลัว กลัวมากว่าสีชิงชวนจะเจอเจ้ามาร์ชเมลโล่เข้า แต่ฉันก็ไม่มีวิธีจะทำให้เขาออกไป ฉันจึงคลำหาเจ้ามาร์ชเมลโล่บนผ้าปูเตียง เพื่อจะได้เอามันลงไปจากเตียงแล้วแอบเอาไปคืนสีจิ่นยวน
เหมือนฉันจะคลำหามันเจอแล้ว ในตอนที่กำลังจะลุกขึ้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของสีชิงชวนพูดขึ้น “ผมจะนอนแล้ว ไม่ต้องมายั่วผม”
หืม? เมื่อกี้ที่ฉันลูบคือเขาเหรอ? ไม่น่าล่ะฉันถึงรู้สึกว่าขนมันมีน้อยๆ
ฉันรีบชักมือกลับมาทันที เจ้ามาร์ชเมลโล่ตัวเล็กมาก ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนกลมตัวน้อยมันไปอยู่ไหนซะแล้ว ตอนนี้ฉันไม่กล้าคลำหาแบบมั่วๆ อีก ถ้าไม่งั้นคงต้องรอให้สีชิงชวนหลับก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้ฉันทำได้เพียงหลับตาลง สีชิงชวนหันหลังให้ฉัน จึงไม่รู้ว่าเขาหลับไปแล้วหรือยัง
หลังจากเวลาผ่านไปนานก็ดูเหมือนว่าเจ้ามาร์ชเมลโล่จะตื่นแล้วและมันกำลังขยับตัวอยู่ในผ้าห่ม ฉันเห็นว่าบนผ้าห่มมันนูนขึ้น ที่แท้มันก็อยู่ที่ปลายเตียงนี่เอง
น้ำเสียงของสีชิงชวนดังขึ้นชัดเจน “เซียวเซิง ผมเตือนคุณเลยนะ”
อะไรเหรอ? ฉันถามไปด้วยความมึนงงเล็กน้อย “อะไรเหรอ?”
“ผมเตือนคุณไว้เลยนะว่าอย่ามาโดนตัวผม”
“ฉันไม่ได้โดนคุณ”
เขาหันตัวกลับมาแล้วยิ้มให้ฉันเย็นๆ “เมื่อกี้คุณยังพูดกับผมอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ขายตัว? ตอนนี้จะกลืนน้ำลายตัวเองเหรอ?”
ฉันไม่ได้ทำจริงๆ หรือจะเป็นเจ้ามาร์ชเมลโล่ที่กำลังโดนตัวเขา?
เป็นไปได้สูงมาก เพราะฉันเห็นเจ้ามาร์ชเมลโล่ดันตัวเองไปมาอยู่ในผ้าห่ม มันต้องร้อนและอยากออกมามากแน่ๆ
“เซียวเซิง” เขากล่าวเสียงต่ำอย่างอดกลั้น “เอาเท้าคุณออกไป! อย่าเอานิ้วเท้ามาโดนฝ่าเท้าผม เท้าคุณมันเปียกมากเลย”
ฉันจะอธิบายกับเขายังไงดีว่าจริงๆ คือมีหมาน้อยตัวหนึ่งกำลังเลียฝ่าเท้าเขาอยู่ ไอ้ที่เปียกๆ นั่นคงเป็นเจ้ามาร์ชเมลโล่กำลังเลียเท้าเขาอยู่แน่ๆ
ฉันพูดกับเขาพลางยิ้มอย่างรู้สึกผิด “คุณทนหน่อยนะ”
“ทนเหรอ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยท่าทีโกรธๆ
“ไม่ๆ ฉันหมายถึงถ้าคุณนอนหลับ คุณก็จะไม่รู้สึกแล้ว”
เขามองฉันแล้วก็ขมวดคิ้ว “คุณอยู่ตั้งไกล ยื่นเท้ามาได้ไกลขนาดนี้เลยเหรอ?”
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เด้งตัวขึ้นจากเตียง “ห้องคุณก็มีค้างคาวเหรอ?”
ค้างคาว? ค้างคาวจากไหน?
อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว ที่เขาทั้งกระโดดโลดเต้นทั้งยังแหกปากโวยวายในห้องตัวเองเมื่อกี้เพราะไม่ได้ปิดหน้าต่างให้ดี ค้างคาวก็เลยบินเข้ามา แล้วเขาเห็นเข้าเลยตกใจแบบนั้นใช่ไหม?
“ใช่ ใช่เลย” ฉันพยักหน้า “น่าจะเป็นค้างคาวนั่นแหละ!”
เขามองฉันอย่างแน่วแน่ ทันใดนั้นก็ดึงผ้าห่มออก เจ้าตัวก้อนกลมขนนุ่มนิ่มที่นอนฟุบอยู่บนเตียงผงกหัวขึ้นมามองพวกเราอย่างไร้เดียงสาทันที
สีชิงชวนก้มตัวลงไปสบตากับมัน “นี่มันตัวอะไร?”
“แม้แต่หมาคุณก็ไม่รู้จักหรือไง” ฉันรีบอุ้มเจ้ามาร์ชเมลโล่ขึ้นทันที
“ทำไมบนเตียงคุณถึงมีหมาอยู่ด้วย?”
“หลอน” ฉันหลอกล่อเขา “ตอนนี้มันเป็นแค่ภาพหลอน คุณนอนเถอะ ฉันยกห้องให้คุณ ห้องฉันไม่มีค้างคาว”
ฉันกระโดดลงจากเตียงได้ไม่นาน สีชิงชวนก็ยืดเท้าออกมาขวางฉันไว้จนเกือบจะล้ม
“ผมถามคุณหน่อยซิ ว่าทำไมบ้านเราถึงมีหมา?”
ดูเหมือนจะปิดว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ฉันกอดเจ้ามาร์ชเมลโล่ไว้อย่างหดหู่ “คุณเดาดูสิ”
“คุณอยากให้ผมโยนคุณออกไปพร้อมกับหมานี่ใช่ไหม?”
“เก็บมา” ฉันบอกไปตามตรง
“เอาไปทิ้ง” เขาพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความ
“ทำไมคุณถึงไม่มีหัวใจเลยล่ะ?” ฉันพูด “มันก็เป็นอีกชีวิตหนึ่งนะ”
“มันอยู่ข้างนอกก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าอยู่บ้านเราหรอก เอาไปทิ้งซะ”
“สีชิงชวน มันยังเป็นลูกหมาอยู่เลยนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...