นัดบอดเหรอ? ฉันประหลาดใจมากจึงหลุดปากถามไปโดยไม่ได้คิด “อีกฝ่ายเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงคะ?”
พอพูดจบถึงจะรู้สึกตัวว่าตัวเองเสียมารยาทมาก เมื่อมองไปที่ป๋ออวี่อีกครั้งก็เห็นว่าเขาหน้าแดงไปทั้งหน้า
ฉันรีบขอโทษทันที “ขอโทษค่ะ ฉันปากพล่อยไปเอง”
“ไม่เป็นไรครับ” เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน “คุณสีอยู่ทางโน้นครับ” เขาชี้ไปที่ปลายท่าเรือ แล้วฉันก็เห็นว่าสีชิงชวนยืนอยู่ตรงนั้น
ที่นี่อากาศอบอุ่นกว่าที่เมืองฮวา เขาสวมแค่เสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวตัวโคร่งคู่กับกางเกงยีนสีฟ้าเท่านั้น มือข้างหนึ่งล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงพลางยืนคุยกับเพื่อนของเขา
เขาคาดแว่นกันแดดไว้บนหัว ถึงจะเป็นผมทรงแฟลตท็อป แต่เขาก็ยังดูมีเสน่ห์มากอยู่ดี สาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองเขากันทั้งนั้น
แค่ฉันเห็นสีชิงชวนก็รู้สึกใจไม่ดีแล้ว ฉันอยากให้ป๋ออวี่อยู่ต่อมากๆ อย่างน้อยก็คงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้าง แต่เขามีธุระส่วนตัวนี่นา ฉันจะไปบีบบังคับเขาได้ยังไง?
ป๋ออวี่ส่งฉันมาถึงที่ที่สีชิงชวนยืนอยู่ “คุณสีครับ คุณเซียวมาแล้วครับ ผมไปก่อนนะครับ”
“อืม” สีชิงชวนพยักหน้า
ผู้ชายที่คุยกับเขาสังเกตเห็นฉัน ฉันเห็นชัดเลยว่าสายตาของเขาแพรวพราวขึ้นมาแวบหนึ่ง
เฉียวอี้บอกฉันว่าถ้าผู้หญิงอยากรู้ว่าตัวเองสวยไหม ไม่ต้องส่องกระจกหรอก แค่ดูแววตาที่ผู้ชายมองตัวเองก็รู้ได้แล้ว ฉะนั้นฉันรู้ได้จากแววตาเขาเลยว่า ฉันน่ะสวยมาก
แต่สีชิงชวนดูเหมือนจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ เขาดึงเสื้อโค้ตบนไหล่ฉัน “คุณอยากให้ผิวเป็นผื่นหรือไง?”
ที่นี่อากาศอบอุ่นมาก น่าจะราวๆ สามสิบองศาเห็นจะได้ แต่ชุดมันโป๊ไปหน่อย โชว์แทบจะทั้งหลังเลยล่ะ
ฉันกระชับเสื้อโค้ตของตัวเองเข้ากับตัว “ที่นี่ลมแรง”
เขาออกแรงดึงเสื้อโค้ตของฉันออกจากตัวแล้วโยนมันให้ใครคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเลขาของเขา ซึ่งเลขาของเขามีอยู่หลายคนจนฉันนับไม่ถ้วน แต่ป๋ออวี่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเขา มันไม่เหมือนกัน
เสื้อโค้ตของฉันโดนเขาแย่งไป ทำให้สายตาของคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามวาววับขึ้นกว่าเดิม ซึ่งความจริงแล้วฉันไม่ชอบสายตาแบบนั้นของเขาเลย ฉันรู้สึกว่ามันดูไม่สุภาพสักเท่าไร
สีชิงชวนแนะนำตัวเราทั้งสองอย่างง่ายๆ “เซียวเซิง ฉู่เฟิง”
ฉันพยักหน้าให้เขา จากนั้นฉู่เฟิงคนนั้นก็ยื่นมือมาทางฉัน “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเซียว ผมชื่อฉู่เฟิงครับ ฉู่ที่หมายถึงเก็บออม”
ฉันยื่นมือไปจับมือกับเขา มือของเขาชื้นเล็กน้อย จับแล้วรู้สึกเหนอะหนะ ไม่สบายมือเลย
พวกเราขึ้นเรือยอชต์ลำหนึ่ง มันลำใหญ่เสียจนฉันคิดว่ามันสามารถเล่นสเกตน้ำแข็งข้างบนได้เลย
ฉันไม่ได้ถามว่ามันเป็นของสีชิงชวนไหม แต่ตั้งแต่ที่ฉันดูไททานิกมาก็รู้สึกกลัวเรือลำใหญ่ๆ ฉันรู้สึกว่ามันอาจจะชนภูเขาน้ำแข็งได้ตลอดเวลา
และมันก็เป็นอย่างที่เฉียวอี้คาดไว้จริงๆ ที่มีนางแบบสาวสวยเซ็กซี่ขึ้นมาบนเรือก่อนเรือจะออกเดินทาง พวกเธอยังสาว แถมหุ่นก็ดี เมื่อขึ้นเรือมาก็ถอดเสื้อตัวนอกออกเผยให้เห็นชุดบิกินี ด้านหน้าฉันเต็มไปด้วยร่างของสาวสวยวัยสะพรั่ง
มีสาวสวยคนหนึ่งเดินมาถามฉัน “คุณเป็นคนของบริษัทไหนเหรอคะ?”
ฉันชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะที่พยายามขบคิดคำตอบ สีชิงชวนก็เดินผ่านร่างฉันไปพร้อมกับทิ้งคำตอบไว้ให้เธอ “เธอมาจากไป่เซิ่ง”
“เหรอ? ฉันก็มาจากไป่เซิ่ง ทำไมฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยล่ะ?” สาวสวยคนนั้นยื่นมือมาทางฉันอย่างดีใจ “ฉันชื่อนีน่า”
ส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งที่ใช้ชื่อแบบนี้จะไม่ใช่ชื่อจริง ฉันไม่ได้มีชื่อในวงการจึงแนะนำชื่อตัวเองไป “ฉันชื่อเซียวเซิง”
“ได้ยินมาว่าคุณขึ้นเรือมากับคุณชายสีเหรอ?”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้า สีชิงชวนเดินไปให้อาหารนกนางนวลที่ราวจับแล้ว
นกนางนวลที่นี่ไม่กลัวคน มันร่อนลงมาเกาะที่ราวจับเพื่อรอให้คนมาป้อนขนมปังให้พวกมันกิน
“คุณรู้จักกับคุณชายสีเหรอคะ?” เธอหลุดสีหน้าอิจฉาของตัวเองออกมาให้เห็น
พวกเขาไม่รู้สถานะฉัน เดาว่าคงไม่รู้กันทั้งลำนั่นแหละ
ฉันแบะปาก “ค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...