การแอบฟังคนอื่นคุยกันมันเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันผลักฉันให้ทำ ฉันจึงยืนอยู่ข้างประตูไม่ได้เดินไปต่อ
ฉันได้ยินเซียวซือกำลังพูด “ตอนนี้คุณกับเซียวเซิงก็ไม่เลวนี่”
“ใช่ เราไปกันได้ดี”
“งั้นก็ดี” เซียวซือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเคย
ฉันรู้มาว่าเธอเป็นแบบนี้กับทุกคน บางทีอาจเป็นเพราะท่าทีที่ชอบเย็นชาใส่คนอื่นแบบนี้ที่ทำให้คนที่โหดร้ายและน่ากลัวอย่างสีชิงชวนไม่อาจหยุดเรื่องราวความรักนี้ลงได้
“แต่งงานเมื่อไหร่ ผมจะไปแสดงความยินดี”
“ถึงเวลานั้นฉันค่อยบอกคุณ”
บทสนทนาระหว่างทั้งสองคนธรรมดาราบเรียบจนฉันที่ฟังอยู่รู้สึกไม่ได้มีอะไรน่าฟัง
ฉันเตรียมตัวจะย่องหนี แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของสีชิงชวนดังขึ้น “เซียวเซิง”
ฉันรู้สึกหนาวเยือก เขารู้ได้ยังไงว่าฉันแอบฟังอยู่หน้าประตู?
ฉันทำได้เพียงโผล่ออกมาจากข้างประตู ทั้งสองคนกำลังยืนพิงหน้าต่างห้องเซียวซือ หนุ่มหล่อสาวสวยช่างเป็นอาหารตาดีจริงๆ
สีชิงชวนกวักมือเรียกฉัน ฉันจึงเดินเข้าไปหาแล้วเขาก็โอบเอวฉันเข้าไป จากนั้นก็จูบฉันโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวแล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “ไปไหนมา ผมไม่เห็นคุณก็เลยขึ้นมาหา”
“ก็เลยหามาหาที่ห้องพี่ฉัน” ฉันแสร้งยิ้มออกไป
“เจอเซียวซือพอดีน่ะ ก็เลยคุยกันนิดหน่อย” เขาจูบฉันอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉันแอบหยิกเขา เขาก็คงจูบฉันนานกว่านี้
เซียวซือยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วมองฉันอยู่ใกล้ๆ โดยที่เธอไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย “มีบางเรื่องที่ฉันต้องคุยกับเซียวเซิง สีชิงชวน คุณออกไปก่อน”
มองไปทั้งเมืองฮวานี่ก็คงมีแค่เซียวซือที่กล้าพูดกับสีชิงชวนด้วยน้ำเสียงที่เหมือนการออกคำสั่งแบบนี้ เธอนี่สุดยอดจริงๆ ทิ้งสีชิงชวนแล้วยังมั่นอกมั่นใจได้แบบนี้อีก และคิดไม่ถึงว่าสีชิงชวนจะปล่อยมือที่โอบเอวฉันออกแล้วหมุนตัวออกไปแต่โดยดี
เซียวซือนั่งลงตรงข้ามฉัน ผิวของเธอขาวมาก และมันยิ่งดูบริสุทธิ์ผุดผ่องขึ้นอีกภายใต้แสงไฟสีขาวที่กำลังสาดส่อง เธอเหมือนกับดอกบัวสีขาวที่บานสะพรั่งอยู่ในสระน้ำ ที่มันช่างงดงามแต่กลับเอื้อมไม่ถึง ทว่าตอนนี้คำนี้มักเอาไว้ใช้ด่าคนแล้วล่ะ
“เซียวเซิง” เธอแย้มริมฝีปากสีชมพูเรียกฉัน “ฉันหาคนคนนั้นตามที่อยู่ที่เธอให้ฉันมาแล้ว แต่ไม่เจอ”
“อ่า” ฉันครางรับอย่างผิดหวัง แล้วมองเซียวซืออย่างเหม่อลอย
“ฉันไปถามมหา’ลัยที่เธอบอกแล้วด้วย ไม่มีนักศึกษาคนนั้น เธอแน่ใจนะว่าเขาอยู่ที่อังกฤษ?”
“ค่ะ เขาบอกฉันไว้ก่อนไป หลังจากนั้นเขายังส่งจดหมายมาให้ฉันด้วยครั้งหนึ่ง”
“แต่ฉันหาข้อมูลนักเรียนทุกคนในมหา’ลัยนั้นแล้ว เขาไม่เคยเรียนที่นั่น ฉันยืนยันไม่ได้ว่าเขาไม่ได้อยู่อังกฤษ แต่เขาไม่ได้อยู่ในโรงเรียนที่เขาบอกเธอแน่ๆ”
ฉันก้มหน้าลง สองมือจับชายกระโปรงของตัวเองเล่น
“เซียวเซิง ตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว เธอยังตามหาเขาอีกทำไม?”
“ยังไงฉันก็ต้องหย่า” ฉันเอ่ยกับตัวเองเสียงเบา ไม่รู้ว่าเซียวซือจะได้ยินไหม
“เธอกับสีชิงชวนไปกันได้ดีไหม?”
แน่นอนว่ามันไม่ได้ถือว่าดี ครึ่งปีก่อนแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ เมื่อวานความสัมพันธ์ของเราก็มีการยกระดับที่นับได้ว่ามันค่อนข้างจะวิปริต
ฉันนั่งห่อเหี่ยวอยู่บนโซฟาครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นยืน “งั้นก็ขอบคุณพี่นะเซียวซือ ฉันไปก่อนล่ะ”
ฉันหมุนตัวได้ไม่นานเซียวซือก็เรียกฉันไว้จากทางด้านหลัง “เซียวเซิง”
“คะ?” ฉันหมุนตัวกลับไป “อะไรเหรอ?”
“สีชิงชวนคนนี้ เขาเป็นคนที่ซับซ้อนมาก ไม่ใช่แบบที่เธอเห็นภายนอก…” เซียวซืออึกอัก น้อยครั้งที่เธอจะมีท่าทีลังเลแบบนี้
ฉันไม่รู้ว่าเธอจะสื่อถึงอะไร
“ตอนที่เขาใกล้ชิดเธอไม่ใช่ว่าเขาอยากใกล้ชิดกับเธอจริงๆ ตอนที่เขาทำดีกับเธอก็ไม่ใช่เพราะเขาอยากทำดีกับเธอจริงๆ” เธอลุกขึ้นแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...