“จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงล่ะครับ? ถ้าท่านได้เจอคุณ ไม่กินยา อาการก็ดีขึ้นตั้งครึ่งหนึ่งเชียว บอดี้การ์ดอยู่ข้างๆ คุณใช่ไหม ให้เขาพาคุณมาที่นี่สิครับ!” พูดจบ ถันหยางก็วางสายไป
ซูเล่อยืนถือโทรศัพท์ค้างไว้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับบอดี้การ์ดว่า “พาฉันไปโรงพยาบาลทีสิ”
บอดี้การ์ดพยักหน้าหงึกๆ พร้อมผายมือเชื้อเชิญ แล้วซูเล่อก็เดินตรงไปที่รถพร้อมกันกับเขา
ในระหว่างทาง ใจของซูเล่อก็หล่นวูบขึ้นมา ทำไมเขาถึงอาการกำเริบหนักขึ้นล่ะ? เมื่อกี้นี้ที่อยู่ในที่ประชุม เขาก็ดูเหมือนจะปกติดีนี่นา
ซูเล่อมาถึงโรงพยาบาลด้วยความเป็นกังวล นี่น่าจะไม่โรงพยาบาลของคนทั่วไป เพราะรอบๆ ก็มีแต่ป้อมยามรักษาการเต็มไปหมด ซูเล่อเองก็ต้องลงทะเบียนอยู่หลายครั้ง ถึงจะได้เข้าไป
ถันหยางเดินมารับเธอ ซูเล่อตามถันหยางไปยังทางเข้าวอร์ดบนชั้นหก ถันหยางเคาะประตู ก่อนจะหันมาพูดกับซูเล่อว่า “ท่านอยู่ข้างใน คุณซูเข้าไปได้เลยครับ!”
ซูเล่อพยักหน้าหงึกๆ และกำลังคิดที่จะเปิดประตูเข้าไป ถันหยางก็กระซิบเตือนเธอ “คุณซู อารมณ์ท่านไม่ค่อยดี คุณพยายามอย่าทำอะไรจี้จุดเขานะครับ เห็นว่าวันนี้เขายังไม่ได้กินอะไรเลยด้วย คุณเกลี้ยกล่อมให้เขากินสักหน่อยเถอะ!”
ซูเล่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ เธอผลักประตูเข้าไปเบาๆ
แม้ว่าที่นี่จะเป็นโรงพยาบาล แต่กลับเป็นห้องผู้ป่วยแบบห้องชุดระดับสูง และสามารถมองเห็นได้ทันทีว่าบนเตียงสีขาวขนาดใหญ่นั้นมีฮั่วเหยียนเซียวกำลังนั่งให้น้ำเกลืออยู่ พร้อมทั้งยังอ่านเอกสารที่อยู่ในมือของเขาไปด้วย
เมื่อเห็นเธอเข้ามา ฮั่วเหยียนเซียวทำเพียงเงยหน้าขึ้นมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปอ่านเอกสารต่อดังเดิม
“อาน้อย คุณไม่เป็นไรนะคะ!” ซูเล่อเดินไปหาเขาด้วยความเป็นห่วง ดวงตาคู่สวยสำรวจใบหน้าของเขา
“ไม่เป็นไร” ฮั่วเหยียนเซียวตอบเธอเสียงเรียบ
“ยังมีไข้อยู่ไหม” ซูเล่อถามอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือไปทาบหน้าผากเขาเพื่อวัดอุณหภูมิตามสัญชาตญาณ
ฮั่วเหยียนเซียวปล่อยให้เธอวัดอุณหภูมิ ซูเล่อรู้สึกว่าเขามีไข้เพียงเล็กน้อย เธอแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเห็นว่ามีผลไม้วางอยู่ข้างๆ เธอจึงเอ่ยถาม “กินผลไม้ไหม เดี๋ยวฉันปอกให้”
“ไม่อยากกิน” ฮั่วเหยียนเซียวปฏิเสธ
“งั้นอยากกินอะไรล่ะ” ซูเล่อถามพร้อมกระพริบตาปริบๆ ถันหยางบอกว่าเขาไม่ได้กินอะไรเลยนี่!
สายตาอันลึกล้ำของฮั่วเหยียนเซียวจ้องมองไปที่เธอ และจ้องมองเธออย่างแน่วแน่
จะจ้องเธอทำไมล่ะ? ที่เธอก็ไม่ได้ถือของกินมาเลยนะ
ซูเล่อรู้สึกหมดหนทางอย่างที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนป่วยหรอกนะ เธอจะป้อนให้เขาก็ได้
ซูเล่อดึงเก้าอี้เข้าไปใกล้ชิดกับขอบเตียง ก่อนจะยกชามโจ๊กขึ้นมาพร้อมพูด “ก็ได้! ฉันจะป้อนให้อา อามานั่งตรงนี้สิ”
ฮั่วเหยียนเซียวย้ายร่างของตัวเองไป มือข้างหนึ่งยันขอบเตียงเอาไว้ พร้อมโน้มตัวไปเพื่อให้สะดวกต่อการกินโจ๊ก
ซูเล่อตักโจ๊กขึ้นมาหนึ่งช้อน ความร้อนของโจ๊กในชามนั้นค่อนข้างร้อน ดังนั้น เธอจึงนำโจ๊กช้อนนั้นมาจ่อไว้ที่ปากของเธอพร้อมเป่า ก่อนจะส่งไปที่ปากของชายผู้นั้น
ชายผู้นั้นกินด้วยความอิ่มเอมใจพร้อมยกยิ้มมุมปาก ปรากฏลักยิ้มขึ้นที่ข้างแก้ม
“ร้อนไหม” ซูเล่อถามขึ้น
“กำลังพอดี” ชายผู้นั้นตอบ นัยน์ตาลึกจ้องมองไปที่ใบหน้าเล็กๆ ของเธอย่างไม่วางตา มันใกล้สายตาเขามาก ช่างน่าสดชื่นและมีกลิ่นหอม ราวกับกำลังยั่วยวนเขาอยู่อย่างเงียบๆ
ซูเล่อนั้นกำลังจดจ่ออยู่เพียงแค่การป้อนโจ๊กให้กับเขา เมื่อป้อนโจ๊กไปให้เขาได้ครึ่งชาม เธอก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่าสายตาของชายหนุ่มคนนี้นั้นจ้องมองมาที่เธออยู่ตลอดเวลา เธอจึงหน้าขึ้นสีแดงด้วยความเขินอายอย่างเลี่ยงไม่ได้ “อย่าเอาแต่จ้องฉันอย่างนี้สิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ขอดูฟรีเพิ่มอีกได้ไหมค่ะตอนที่ 1120-1125...
ชอบค่ะ แต่ราคาปลดล็อคแพงไปนิดนึงค่ะ...
ปลดล๊อกเหรียญไม่ได้ ต้องทำยังไงบ้าง...
ชอบค่ะ แต่ช่วยปลดล็อคให้อ่านต่อได้ไหม ไม่มีเงินซื้ออ่านได้เลยค่ะ...
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....