รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว นิยาย บท 3

“อยากสิฮะ! หม่ามี๊ไปไหน ผมจะไปด้วย!” เด็กน้อยกลอกตากลมโตสีดำที่งดงามราวกับอัญมณีน้ำงาม

ถังจือซย่าอดชื่นใจไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอมองหน้าลูกชาย เธอรู้สึกถึงความสุขจากก้นบึ้งหัวใจ เธอได้ให้กำเนิดเด็กชายตัวน้อยที่น่ารักขนาดนี้

“โอเค งั้นเราไปเก็บของกัน พรุ่งนี้ตอนบ่ายไปสนามบินนะจ๊ะ”

“อื้อ!” เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ แล้วเดินไปที่ห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้า

ถังจือซย่าถอนหายใจ นับตั้งแต่เธอถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน เธอใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาโดยตลอด ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากกลับ แต่บ้านหลังนั้นไม่ต้อนรับเธออีกแล้ว

แม้กระทั่งตอนเธอจะคลอดลูกที่ต่างประเทศ เธอก็ไม่เคยบอกพ่อเลยสักคำ เวลานี้ ด้วยความจำเป็นเรื่องงาน เธอจึงจำเป็นต้องกลับไปคว้าโอกาสเพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพ และเธอก็คิดจะกลับไปเยี่ยมพ่อด้วย

อย่างไรเสีย ก็เป็นพ่อของเธอเอง

ณ สนามบินนานาชาติ สามวันถัดมาในเวลาพลบค่ำ ถังจื่อซย่าเข็นรถเข็นที่มีเด็กชายตัวน้อยนั่งอยู่บนกระเป๋าเดินทาง

ดวงตาแวววาวสดใสมองไปรอบๆ ดูเหมือนเขาจะอยากรู้อยากเห็นไปกับทุกสิ่งอย่าง

ทันทีที่ถังจือซย่าเดินออกมา ชายสองคนในชุดสูทและรองเท้าหนังก็ปรากฏตัวและกล่าวอย่างสุภาพ “คุณถังครับ นายหญิงใหญ่แห่งตระกูลสีให้มารับคุณครับ รถจอดรออยู่ที่หน้าทางเข้าแล้ว เชิญครับ...”

ดวงตากลมโตของเธอมองสอดส่าย พลางตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า “น้ำใจของตระกูลสี ฉันไม่ต้องการค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

“คุณถังครับ นายหญิงใหญ่อยากจะพบคุณสักครั้ง” ชายวัยกลางคนกล่าวเชิญเธออย่างนอบน้อม

ถังจือซย่าเองก็รับรู้ถึงความหวังดีของนายหญิงใหญ่สี แต่เธอเองไม่ต้องการความหวังดีนี้แม้แต่น้อย

“รบกวนบอกนายหญิงใหญ่สีด้วยนะคะ คุณแม่ของฉันช่วยเหลือคนเพราะเป็นหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องตอบแทนบุญคุณกับฉันหรอกนะคะ” เมื่อพูดจบ เธอก็เข็นรถเข็นเดินออกจากประตูใหญ่ไป

เมื่อคล้อยหลัง ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นแล้วแจ้งไปที่ปลายสาย “คุณชายใหญ่ครับ คุณถังไม่ยอมที่จะให้เราไปส่งครับ”

บริเวณหน้าทางเข้าสนามบิน รถโรลส์-รอยซ์ลสีดำสามคันจอดเรียงกันอยู่ กระจกรถมืดสนิทป้องกันสายตาของคนภายนอก

ชายที่นั่งตรงกลางเบาะหลังวางโทรศัพท์ลง จ้องไปที่ประตูทางออกก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเข็นรถเข็นออกมา

เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวคู่กับกางเกงยีนเรียบๆ ผมยาวของเธอถูกรวบไว้ด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าที่ผุดผ่อง ผิวของเธอขาวราวกับหิมะ ท่าทางสบายๆ เธอดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน

ทันใดนั้นสายตาของสีจิ่วเฉินกลับถูกบางสิ่งดึงดูด นั่นคือเด็กชายอายุราวสี่ห้าขวบที่กำลังกระโดดลงจากรถเข็น เด็กน้อยสวมเสื้อสเวตเตอร์กันหนาวสีเทาคู่กับกางเกงกีฬาขาสั้น ผมหนาดูอ่อนนุ่มปกลงมาบนหน้าผาก ใบหน้าจิ้มลิ้มคมสันนั้นช่างน่ารักน่าทะนุถนอม

ถังจือซย่าย่อตัวลงจัดเสื้อผ้าให้เจ้าตัวเล็ก ดวงตาของเธออ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักอย่างสุดจะพรรณนา

เด็กคนนี้เป็นใคร? หรือว่าถังจือซย่าแต่งงานแล้ว?

ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับเธอตามความปรารถนาของคุณย่าแล้ว

สีจิ่วเฉินมองดูแท็กซี่ที่แล่นออกไป ขบวนรถของเขาก็ออกตัวเช่นกัน

ขณะนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาเหลือบมองแล้วเอื้อมมือไปรับสาย “ฮัลโหล! ซานซาน”

“จิ่วเฉิน เมื่อไรคุณจะมาหาฉันล่ะคะ! ฉันอยากเจอคุณจังค่ะ” เสียงออดอ้อนของซ่งซานดังมาจากปลายสาย

“ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่ง รอผมสะสางงานเรียบร้อยแล้วค่อยไปหาคุณนะ” สีจิ่วเฉินตอบกลับด้วยเสียงเบาๆ

“งั้นคุณต้องมาหาฉันนะคะ” ซ่งซานส่งเสียงกระเง้ากระงอด

“อื้อ!” สีจิ่วเฉินตอบกลับเธออย่างอดทน

บ้านตระกูลสี

หญิงชราผมสีดอกเลากำลังนั่งจิบชาอยู่บนโซฟา พลางฟังรายงานจากลูกน้องเธอ เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ “อะไรนะ ถังจือซย่ามีลูกแล้วงั้นหรือ เธอแต่งงานแล้วหรือ”

เขารู้ดี ไม่ว่าจะพูดหรือไม่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของคุณย่าที่ต้องการให้เขาแต่งงานกับถังจือซย่าได้

“ถังจือซย่ามีลูกแล้ว” เขากล่าวขึ้น

“ใช่แล้ว! เป็นเด็กผู้ชาย อายุประมาณสามสี่ขวบ ไม่รู้ผู้ชายคนไหนใจร้ายใจดำทิ้งพวกเขาสองแม่ลูกได้ลงคอ จิ่วเฉิน หลานห้ามรังเกียจเด็กคนนี้นะ” นายหญิงใหญ่สีกลับรู้สึกเอ็นดูมากขึ้นเป็นพิเศษ

สีจิ่วเฉิน “...”

นี่เขาได้โปรโมชั่นแต่งแม่แถมลูกอย่างนั้นหรอกหรือ

หอรุ่ยเป่าเป็นห้างอัญมณีเก่าแก่ถึงร้อยปีที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งภายในประเทศ ที่ถูกเจ้านายของถังจือซย่าเข้าซื้อกิจการ

เพื่อจะขยายแบรนด์นี้ออกสู่ตลาด ในฐานะนักออกแบบระดับอาวุโสของเพชรแบรนด์โรสควีนแห่ง QR ถังจือซย่าจึงถูกส่งตัวกลับประเทศเพื่อความก้าวหน้าในสายงาน

ภายใต้การจัดการของบริษัทหอรุ่ยเป่า ถังจือซย่าเข้าพักในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ลูกชายของเธอกำลังนอนหลับ ในขณะที่เธอง่วนอยู่กับการจัดของ ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง ห้องพักแห่งนี้ได้กลายเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่น่ารักและอบอุ่น เหมาะกับการใช้ชีวิตร่วมกันของเธอและลูกชาย

เธอมองดูลูกชายที่กำลังหลับปุ๋ย ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ก็ยังไม่คิดจะพักผ่อน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เมืองนี้เมื่อห้าปีก่อน ยังคงทำให้เธอรู้สึกว้าวุ่นในใจ การหักหลังของเพื่อนสนิท ความร้ายกาจของน้องสาวต่างแม่ และการขับไล่ไสส่งของพ่อ

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฝ่าฟันมาได้อย่างไร เธอเลี้ยงลูกชายเพียงลำพัง เรียนออกแบบ และเข้าทำงานในบริษัท ค่อยๆ เดินทีละก้าวจนได้เป็นนักออกแบบระดับอาวุอาวุโสองบริษัท นอกจากความพยายามที่มากกว่าคนอื่นแล้ว พระผู้เป็นเจ้ายังคุ้มครองเธออีกด้วย

ทำให้เธอได้มีโอกาสดีๆ นำพาชีวิตมาถึงทุกวันนี้ได้ มีเงินออม มีลูกชาย แถมยังมีการงานที่อิสระ

เธอยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและมองดูหมายเลขโทรศัพท์ของพ่อ เธอคิดจะกดโทรหลายครั้งแล้ว แต่กลับลังเลใจ

ห้าปีแล้ว พ่อยังโกรธอยู่หรือเปล่านะ

ช่างเถอะ เธอถอนหายใจออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว