“จือซย่า เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งนาน คุณคิดถึงผมไหม” จ้านฉิงเหย่เชยคางเธอและตาทรงลูกพีชของเขามองเธออย่างลึกซึ้ง
ถังจือซย่าละสายตาแล้วมองไปที่จ้านฉิงเหย่แล้วยิ้ม "คิดถึงสิ!"
จ้านฉิงเหย่หยิบกุญแจรถที่มีพวงกุญแจคริสตัลห้อยอยู่ออกมา “ตอนที่ผมคิดถึงคุณ ผมจะเอามันออกมาดู แล้วอันที่ผมให้คุณไปล่ะ คุณคงไม่ได้ทิ้งมันไปแล้วใช่ไหม!”
จือซย่ารู้สึกเขอะเขินเล็กน้อย "ดูเหมือนว่าฉันจะลืมเอามันกลับมา"
“เธอช่างไม่โรแมนติกเอาซะเลย ของที่ผมให้คุณคุณก็ไม่เก็บมันไว้ดีๆ เดียวไปซื้อกัน” จ้านฉิงเหย่ดุไปยิ้มไป
"จำเป็นด้วยเหรอ"
"ใช่ ซื้อแบบคู่รักอีก ของคุณหนึ่งอัน ของผมหนึ่งอัน ตอนที่เราไม่ได้เจอกัน ก็สามารถมองมันให้หายคิดถึง" จ้านฉิงเหย่เป็นคนโรแมนติกเช่นกัน เขาใช้ความคิดทั้งหมดของเขาไปกับเรื่องของถังจือซย่า
“ตกลง ฉันจะเลือกหนึ่งอันและให้คุณหนึ่งอัน”
"เอาแบบคู่รักนะ"
“ได้” ถังจือซย่าพยักหน้าและยิ้ม เมื่อขยับสายตา ตาของเธอก็ไปสบตาดวงตาลึกล้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงรู้สึกว่าดวงตาของสีจิ่วเฉินเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีใครบางคนทำให้เขาขุ่นเคือง
เจ้านายเรียกฉู่เฮ่ามารับประทานอาหารเย็นในวันนี้ โดยบอกว่าเขามีเรื่องจะหารือ แต่หลังจากรอเป็นเวลานาน เจ้านายก็ไม่พูดถึงงาน แต่สีหน้าของเขากลับดูแย่ขึ้นเรื่อยๆ
ฉู่เฮ่าอยู่กับเขามาห้าปีแล้ว และเขาเป็นคนที่อยู่ใกล้เขามากที่สุด ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าทำไมใบหน้าของเจ้านายถึงดูไม่ค่อยจะดี
อาหารกลางวันมาเต็มโต๊ะ ถังจือซย่าหิวและตัดสินใจที่จะก้มหน้าก้มตาทานอาหาร
“นี่อร่อยนะ คุณลองชิม” จ้านฉิงเหย่ใช้ตะเกียบคีบอาหารแล้วยื่นไปด้านหน้าของเธอ ถังจือซย่าตกใจ และเมื่อสมองของเธอร้อน แล้วก็อ้าปากแล้วชิม
"เป็นไงบ้าง อร่อยมั้ย" จ้านฉิงเหย่ถามด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
ใบหน้าของถังจือซย่าอุ่นขึ้นเล็กน้อย นี่เป็นสิ่งที่มีแต่คู่รักเท่านั้นที่ทำได้! เธอพยักหน้า “อืม อร่อย”
ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมองดูความรักของพวกเขาด้วยใบหน้ามืดมน หันหน้าไปทางอาหารกลางวันด้านหน้าเขาอย่างไม่อยากอาหาร
“เจ้านายครับ ทานซักหน่อยเถอะ! ตอนบ่ายเรายังต้องกลับไปประชุมที่สีเอ็มไพร์กรุ๊ปอยู่นะคับ” ฉู่เฮ่าแป็นห่วงเจ้านาย คงไม่ใช่เพราะคุณถังพาแฟนมาอวด เลยทำให้เจ้านายโกรธมากจนไม่ยอมทานข้าวหรอกมั้ง
ถังจือซย่าเพิ่งกินชีสกุ้งเสร็จ เธอไม่รู้ว่ามีซอสชีสติดอยู่ที่มุมปากของเธอ แต่จ้านฉิงเหย่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเห็น เขาหรี่ตาและยิ้มขึ้นมา “อย่าขยับนะ"
ถังจือซย่าอยู่นิ่งๆไม่ขยับ กระพริบตาที่สวยงามของเธอและมองมาที่เขา จ้างฉิงเหย่เหยียดแขนยาวของเขาออกและค่อยๆ ใช้นิ้วของเขาเช็ดที่มุมปากของเธอ “เช็ดเสร็จแล้ว”
ใบหน้าของถังจือซย่าแดงระเรื่อ เธอรีบคว้ากระดาษแผ่นหนึ่งมาเช็ดมุมปากอย่างสง่า แต่เธอไม่รู้ว่าท่าทางเขินอายของเธอ หวั่นไหวต่อสายตาของผู้ชายขนาดไหน
ไม่เพียงแต่จ้านฉิงเหย่จะตกตะลึง แต่แม้แต่ชายโต๊ะข้างหลังเขาก็หรี่ตาและจับจ้องเธอไว้
“ฉันจะไปห้องน้ำก่อนนะ” ถังจือเซี่ยลุกขึ้นแล้วเดินไป
ไม่นานหลังจากที่เธอจากไป สีจิ่วเฉินที่อยู่ด้านหลังก็ลุกออกจากโต๊ะ จ้านฉิงเหย่หันไปข้างหลัง เขาเห็นฉู่เฮ่านั่งอยู่คนเดียว
“พี่ใหญ่ล่ะ” เขาถาม
“ประธานสีออกไปคุยโทรศัพท์ครับ” ฉู่เฮ่าพูด แม้ว่าจะเห็นกับตาว่เจ้านายเดินไปทางห้องน้ำ
“อ่อ!” จ้านฉิงเหย่ไม่ได้คิดอะไรมาก
ในห้องน้ำ
ถังจือซย่าเพิ่งออกมาหลังจากล้างมือเสร็จ และทันใดนั้นก็มองไปยังทางเดินไปจุดสูบบุหรี่ เห็นสีจิ่วเฉินกำลังสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น นิ้วเรียวของเขาคีบบุหรี่ไว้ ควันที่พ่นออกมาปกคลุมใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาช่างดูเย็นชาและไร้ความปรานี
ถังจือซย่าแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขาและเดินผ่านเขาไปพร้อมกับแสร้งทำเป็นว่ากำลังจัดผมยาวของเธอ
แต่เมื่อเธอเข้าใกล้เขา ชายผู้นั้นก็ใช้มือดับบุหรี่ด้วยท่าทางสง่างาม และในขณะที่เขาและเธอกำลังจะสวนกัน มือของเขาก็คว้าเธอไว้
ด้วยแรงคว้าที่เยอะ ถังจือซย่าจึงหมดทางจะขัดขืน เธอถูกเขาผลักเข้าไปยังกำแพงมืดของจุดสูบบุหรี่
“สีจิ่วเฉิน นายจะทำอะไร ฉันเจ็บ...” ถังจือซย่ารู้สึกว่ากระดูกของเธอกำลังจะโดนเขาบีบจนแทบหัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว