ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 110

แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ลั่วหรงจะไม่ยอมออกไปไหน ลั่วชิงยวนจับลั่วอวิ๋นสี่เอาไว้อย่างรวดเร็ว กัดนิ้วของนางแล้ววาดอักขระบนหน้าผากของลั่วอวิ๋นสี่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่วิญญาณอาฆาตที่อยู่โดยรอบจะค่อย ๆหายไป

ลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้แกะมือของลั่วอวิ๋นสี่ และในที่สุดนางก็คลายมือออกจากลำคอของตน

รอยฝ่ามือสีเข้มที่คอทำให้ดูน่ากลัวนัก!

ลั่วหรงที่คิดว่าตนเคยเห็นลมกระโชกแรงเช่นนี้มาหลายครั้ง และไม่เคยหวาดกลัวต่อสิ่งใด ในตอนนี้กลับหน้าซีดและแทบจะสิ้นสติ

เมื่อได้เห็นบุตรสาวของตนเป็นเช่นนี้ หัวใจของนางก็แทบจะสลาย

แต่ทว่าลั่วชิงยวนยังคงสงบและนิ่งเฉย หลังจากขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่อยู่รอบตัวไปได้แล้ว นางก็รีบหยิบยันต์ออกมา เผาน้ำ แล้วป้อนให้ลั่วอวิ๋นสี่ดื่ม

อาการตาเหลือกและฟองในปากของนางค่อย ๆ หายไป

นางค่อย ๆ กลับมาสงบและล้มตัวลงนอนกับพื้น

“รีบพานางกลับห้องเร็วเข้า!”

ดวงตาของลั่วหรงแดงกำ และนางก็รีบเรียกคนสองสามคนให้พาลั่วอวิ๋นสี่กลับไปที่ห้องอย่างร้อนรน

ในขณะที่ลั่วหรงกำลังจะจากไป นางเหลือบมองลั่วชิงยวนอย่างลังเล "แล้วเจ้าล่ะ!"

ลั่วชิงยวนเตะโต๊ะพิธีและแท่นบูชาแล้วเอ่ยขึ้นว่า "พวกท่านไปกันก่อนเถิด เดี๋ยวข้าตามไป!"

ยามนี้ลมยังคงพัดแรง และท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เคยพร่างพราวไปด้วยดวงดาวบนฟากฟ้า บัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆทมิฬและความมืดมิด

หากลั่วหรงบอกว่า นางไม่กลัวก็แปลว่านางกำลังโกหก สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแปลกเกินไป!

ต้องรีบออกไปแล้ว

ลั่วชิงยวนเตะโต๊ะพิธี ก่อนที่จะได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนเซ็งแซ่เข้ามาในหู เสียงนั้นฟังไม่ได้ศัพท์ สิ่งนั้นทำให้หูของนางอื้อไป

นางคว้าธงอัญเชิญวิญญาณไว้ในมือ ทันใดนั้น สายลมกระโชกก็พัดร่างของนางจนทำให้นางล้มลงกับพื้นอย่างแรง คิ้วทั้งสองของลั่วชิงยวนขมวดมุ่นด้วยความโกรธ

“ไม่แยกแยะดีชั่ว!”

นางเปลี่ยนตำแหน่งของธงอัญเชิญวิญญาณอย่างรวดเร็วและวาดอักขระเป็นวงเล็ก ๆ จากนั้นนางก็จุดไฟให้ลุกโชนและเผาธงอัญเชิญวิญญาณลงจนหมด เสียงในหูของนางก็แหลมขึ้นและแหลมขึ้นเรื่อย ๆ เสียงนั้นทำให้คนที่ได้ฟังเสียวสันหลังวาบ

เมื่อธงอัญเชิญวิญญาณถูกไฟเผา ห้วงความมืดมิดอันไร้ขอบเขตก็ถูกฉีกออก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย