ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 1150

สรุปบท บทที่ 1150: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย

อ่านสรุป บทที่ 1150 จาก ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย โดย GoodNovel

บทที่ บทที่ 1150 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติก ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย GoodNovel อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ทันทีที่คำพูดประโยคนี้หลุดออกมา ทั้งลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนสีหน้า

“ว่ากระไรนะ?”

ทั้งสองรีบเข้าวัง

บัดนี้ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนมายืนล้อมหน้าตำหนักของจักรพรรดิด้วยความร้อนใจ

ฟู่เฉินหวนและลั่วชิงยวนที่ยังมิทันได้เปลี่ยนชุดถูกขวางไว้

“ท่านอ๋อง พระชายา ฝ่าบาททรงมีพระอาการวิกฤต หมอหลวงมู่มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าเฝ้า บอกว่าจะนำความเย็นเข้าไป ทำให้กระทบกระเทือนพระวรกายพ่ะย่ะค่ะ”

ฟู่เฉินหวนและลั่วชิงยวนได้แต่รออยู่หน้าตำหนักบรรทม มิกล้าเข้าไป

ลั่วชิงยวนครุ่นคิด นางเดินไปที่หน้าต่างแล้วตะโกนผ่านหน้าต่าง “ท่านหมอหลวงมู่! องค์จักรพรรดิทรงประชวรด้วยโรคใดหรือ?”

เมื่อหมอหลวงมู่ได้ยินเสียงของลั่วชิงยวนก็รู้สึกราวกับพบแสงสว่างในความมืดมิด

“พระอาการของฝ่าบาทคล้ายกับถูกพิษ มิใช่พิษร้ายแรง แต่สะสมมานานแล้ว เพิ่งจะกำเริบ อาการคือพระพักตร์เขียวคล้ำ หายใจติดขัด เพียงแค่สายลมผิดปกติเล็กน้อยก็กระทบกระเทือนพระวรกายแล้วขอรับ”

“เส้นพระโลหิตทั่วร่างกายปูดโปน เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการขาดอากาศ ข้าฝังเข็มเพื่อระบายเส้นลมปราณและตบหลังหลายครั้ง ท่านทรงไอเป็นพระโลหิต มีลิ่มเลือดปนออกมาด้วย มิทราบว่าเป็นสิ่งใด”

เมื่อฟังจบ ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้ว

นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านหมอหลวงมู่ ฝ่าบาทยังทรงมีพระสติหรือไม่?”

หมอหลวงมู่ตอบ “หามิได้ ฝ่าบาททรงหมดสติไปแล้วขอรับ”

ลั่วชิงยวนได้ยินดังนั้นจึงกล่าวทันที “ท่านหมอหลวงมู่ ท่านประคองฝ่าบาทให้ลุกนั่ง แล้วใช้เข่าดันที่หลัง”

เมื่อขุนนางหลายคนได้ยินเสียงก็มามุงดู

รวมตัวกันอยู่บริเวณหน้าต่าง

หมอหลวงมู่ทำตามที่ลั่วชิงยวนบอกทันที แล้วก็ตกใจ “องค์จักรพรรดิทรงอาเจียนเป็นพระโลหิต! แต่มีสิ่งที่คล้ายกับน้ำข้นเหนียวปนออกมาด้วย!”

ลั่วชิงยวนถอนหายใจโล่งอก แล้วกล่าวว่า “นั่นมิใช่พระโลหิต เป็นน้ำสีแดงของพืชชนิดหนึ่ง เมื่อโดนความร้อนจะเกิดสิ่งที่บางราวเส้นผม น้ำนั้นจะเหนียวข้น อุดตันในลำคอ ทำให้หายใจมิออกจนสู่สวรรคตได้”

ทันใดนั้น หมอหลวงมู่ก็ฉุกคิดได้ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง”

“พระอาการของฝ่าบาทดีขึ้นมากแล้ว!”

เหล่าขุนนางโดยรอบต่างถอนหายใจโล่งอก “โชคดีที่มีพระชายาอยู่ พระชายาทรงรอบรู้ยิ่งนัก!”

“ใช่ โชคดีที่พระชายากลับมาทันเวลา”

เมื่อพระอาการของจักรพรรดิเริ่มทรงตัว ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนจึงเข้าไปในห้อง

“ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ ครั้งก่อนแม้จะทำนายได้ว่าเขามีเคราะห์ แต่ก็ควรจะใส่ใจมากกว่านี้”

ฟู่เฉินหวนจับมือนาง “หากจะพูดเช่นนั้นก็ควรโทษข้ามากกว่า เพราะก่อนออกเดินทางมิได้จัดการพวกขันทีและนางรับใช้รอบตัวเขาให้ดีเสียก่อน”

อันที่จริงเขาได้ส่งคนไปจัดการแล้ว คนรอบตัวฟู่จิ่งหานล้วนเป็นคนที่เขาไว้ใจ และให้หมอหลวงมู่ไปตรวจชีพจรของฟู่จิ่งหานทุก ๆ สองสามวัน

มิคิดว่าจะป้องกันได้ยากเย็นเช่นนี้ ทำให้ยังคงเกิดเรื่องขึ้นจนได้

ลั่วชิงยวนถอนหายใจ “หากโชคดีก็น่าจะต้องนอนอยู่สิบกว่าวัน ทว่าหากโชคร้าย ก็มิรู้ว่าจะฟื้นเมื่อใดเพคะ”

ฟู่เฉินหวนก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักใจ “ดังนั้น ที่เจ้าเคยกล่าวไว้ว่า หากอำนาจของฟู่อวิ๋นโจวสูงขึ้นจะเป็นภัยต่อจักรพรรดิ นั่นมิใช่ข้าใช่หรือไม่?”

ลั่วชิงยวนถาม “ท่านอ๋อง หากว่า... ถึงเวลาจำเป็น ท่านจะขึ้นครองราชย์หรือไม่เพคะ?”

ฟู่เฉินหวนกลับส่ายหน้าอย่างจนใจ “เป็นไปมิได้หรอก”

“ข้าเป็นโอรสของพระชายาผู้มีตราบาป และหลังจากที่เสด็จพ่อทรงประชวร แม้แต่จักรพรรดิก็ต้านทานแรงกดดันจากตระกูลเหยียนมิไหว เสด็จพ่อจึงฝืนเสียงคัดค้านให้ข้าเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการ”

“แต่ก็เป็นเพียงผู้ช่วยเหลือเท่านั้น”

“มิอาจก้าวข้ามขั้นนั้นไปได้ตลอดกาล”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย