ในห้องขังอันเงียบงัน เสียงเฆี่ยนตีดังชัดเจนจนเหมือนได้ยินเสียงผิวหนังฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
ทำเอาคนที่ได้ยินรู้สึกใจสั่น
ที่มุมตรงทางเดิน บุรุษสวมหน้ากากที่อยู่ข้างหลังฉินอี้กำหมัดแน่นในทันที
ฝ่ามือถูกจิกจนเกือบจะเลือดออก
ฟู่เฉินหวนที่ได้ยินเสียงนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงและอดมิได้ที่จะพุ่งไปหา
แต่ฉินอี้คว้าข้อมือของเขาเอาไว้
“เฉินชีจะมาช่วยนางเอง”
“หากตอนนี้เจ้าถูกจับได้ก็ช่วยนางออกไปมิได้ แล้วพวกเจ้าก็จะต้องตายอยู่ที่นี่”
“ด้วยตัวตนของเจ้า มีแต่จะต้องเผชิญกับจุดจบที่น่าอนาถยิ่งกว่าเดิม”
ฟู่เฉินหวนกำหมัดแน่น เขาก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าวและอดทนต่อไป
ฝ่ามือของเขาเหงื่อออก
เมื่อได้ยินเสียงเฆี่ยนตีอย่างต่อเนื่องแต่ไม่มีเสียงร้องของความเจ็บปวด ก็สามารถบอกได้ว่า ลั่วชิงยวนกำลังทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดมากเพียงใด
นั่นทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก
ทว่าเขาทำได้เพียงเฝ้ามองจากที่ไกล ๆ มิสามารถเข้าไปใกล้หรือช่วยนางได้
เสียงแส้ดังขึ้นอย่างมิหยุดหย่อน และเสียงแส้ในแต่ละครั้งนั้นดูเหมือนจะฟาดลงไปที่หัวใจของฟู่เฉินหวน
จนเลือดสด ๆ ไหลออกมาเป็นทาง
เวลาเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า และเสียงแส้นั้นก็ยังมิหยุด ทำให้ฟู่เฉินหวนมิสบายใจและมิสามารถสงบลงได้
จนตอนนี้เหงื่อออกไปทั่วทั้งตัว
“เฉินชียังมิมาอีก!” ฟู่เฉินหวนรู้สึกร้อนใจขึ้นมา
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไปนางต้องตายแน่!”
ร่างกายของนางจะทนได้อย่างไร!
เมื่อเทียบกับฟู่เฉินหวนที่กำลังกระวนกระวายใจร้อนราวกับไฟเผา ฉินอี้กลับดูสงบละสุขุมกว่ามาก
เขาเอามือไพล่หลังพลางพูดอย่างมิใส่ใจ “มิต้องรีบร้อน เฉินชีมิยอมให้นางตายหรอก”
“เฉินชีคงกำลังมา”
“รออีกสักหน่อยเถอะ”
และในขณะนั้น
ณ จวนของเฉินชี ภายในเรือนปีกข้างกำลังมีการบรรเลงดนตรีและร่ายรำ
เฉินชีเอนหลังพิงเก้าอี้พลางดื่มสุราและเพลิดเพลินไปกับการร่ายรำของหลานจีอย่างสบายใจอารมณ์
“เฉินชีคงมิมาแล้ว! เขามิได้สนใจชีวิตของลั่วชิงยวนเลย!” ฟู่เฉินหวนกำมือแน่น สายตาของเขาดุดันน่ากลัว
ขณะนั้น ฉินอี้ได้เห็นจิตสังหารในดวงตาของฟู่เฉินหวน
จิตอายสังหารที่ข่มขวัญศัตรู ราวกับผู้เป็นราชา
นั่นทำให้ฉินอี้รู้สึกกลัวเล็กน้อย
มิว่าใครก็ต่างหยิ่งผยองมิยอมก้มหัวให้ใคร ทว่าเขาเองกลับต้องยอมจำนน
ฉินอี้ครุ่นคิดและพูดออกมา “ที่จริงก็ใช่ว่าข้าจะช่วยนางมิได้”
“แต่… ข้ามิอยากช่วยนางโดยเปล่าประโยชน์”
ฟู่เฉินหวนก้าวไปข้างหน้าด้วยความกังวล “เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร! มิว่าเงื่อนไขอะไรพวกเราก็คุยกันได้หมด!”
ฉินอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง มิเคยขาดสิ่งใด แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ขาดคือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์จริงใจแน่วแน่ต่อข้า”
“ซึ่งข้าก็คิดว่าเจ้าเหมาะสมยิ่งนัก”
สีหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไป เขากำหมัดแน่นขึ้น
พลางฟังเสียงเฆี่ยนตี
เขามิลังเล “ได้! ขอเพียงเจ้าช่วยนาง จะให้ทำอะไรข้าก็ทำได้ทั้งนั้น!”
ฉินอี้ยิ้มด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า “เช่นนั้นตอนนี้ก็คุกเข่าพิสูจน์ความภักดีที่มีต่อข้าสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...