ลั่วชิงยวนหยิบผงไล่งูขวดหนึ่งออกมาทาตัวนางและคนใบ้
จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ
เส้นทางขึ้นเขาลำบากมาก พวกเขาจึงมิได้รีบร้อนขึ้นไป หากมีอันตรายใดก็ให้คนของถูหมิงไปสำรวจเสียก่อน
หลังจากเดินมาไกลพอสมควร เมื่อเดินผ่านดงหญ้าหนาทึบในป่า ทันใดนั้นก็มีมือซีดขาวยื่นออกมาจากดงหญ้า
ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อย แต่ก็เดินไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ
ในดงหญ้ามีชายผู้หนึ่งที่ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด บาดแผลทั้งหมดเกิดจากการถูกงูกัด แทบไม่มีส่วนใดดีเหลืออยู่เลย
เมื่อเห็นว่ายังมีลมหายใจแผ่วเบา ทั้งสองก็ช่วยกันลากชายคนนั้นออกมาจากดงหญ้า
แต่เมื่อพลิกร่างมาด้านหน้า
เมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้น ลั่วชิงยวนก็ใจหายวาบ
“จวี้ซาน!”
แต่ชายคนนั้นหมดสติไปแล้ว ลมหายใจรวยรินเต็มที ริมฝีปากดำคล้ำ มีเลือดไหลซึมออกมาจากปากจมูกและหู
ประสาทสัมผัสทั้งห้าแตกดับหมดแล้ว
ลั่วชิงยวนร้อนใจ รีบหยิบขวดยาออกมา “เจ้าอดทนไว้ก่อน!”
ในขณะที่นางยัดยาถอนพิษเข้าไปในปากของจวี้ซาน
ในชั่วขณะนั้น จวี้ซานก็หยุดหายใจ
ลั่วชิงยวนชะงัก
นี่คือหนึ่งในสิบวายร้าย จวี้ซาน
เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ดูเหมือนว่าจะมาถึงสถานที่ที่มีแต่งูเร็วกว่าพวกนาง
นั่นหมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่โฉวสือชีและคนอื่น ๆ จะมาถึงบ่อน้ำพุร้อนตั้งแต่แรก และเดินผ่านป่าหนามนั้นมาแล้ว
แต่พวกเขามิรู้ว่าต้องผ่านไปในช่วงเวลาใด จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมาถึงในตำแหน่งที่มิซ้ำกัน
ทั้งแปดคนกระจัดกระจายกันไป
คนใบ้ตบไหล่นาง บอกให้นางไปได้แล้ว เพราะที่นี่มิปลอดภัย
ลั่วชิงยวนหดหู่มาก นางหยิบขวดที่นำติดตัวมาด้วยก่อนขึ้นภูเขา
ใช้ยันต์รวมวิญญาณเรียกวิญญาณของจวี้ซานมาเก็บไว้ในขวด
นางนำมาเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน หากมีคนตายจริง ๆ ก็มิอาจทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่ให้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนได้
ในขณะที่ลั่วชิงยวนและคนใบ้กำลังลากศพกลับเข้าไปในดงหญ้า
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง
คำพูดนี้เย็นชา แต่ก็เป็นความจริง
ไม่มีใครดูแลนางได้
ลั่วชิงยวนมองไปที่แม่น้ำเบื้องหน้า เนื่องจากสภาพภูมิแคว้นทำให้น้ำไหลเชี่ยว จึงมิทราบว่าน้ำลึกหรือไม่
ถูหมิงเดินมาถึงริมแม่น้ำด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลางสังเกตการณ์ “มิรู้ว่าแม่น้ำสายนี้ไหลไปที่ใด คงต้องข้ามแม่น้ำแล้ว เลี่ยงมิได้”
ฉีเสวี่ยเวยมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเป็นศัตรู “เจ้าพาพวกเรามาที่ใด จงใจจะให้พวกเราตายหรืออย่างไร?”
ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ “ข้าขอให้พวกเจ้าตามมาหรือไร?”
“ยิ่งกว่านั้น การฆ่าสหายร่วมทางมิใช่ความถนัดของเจ้าหรอกหรือ? ข้าสู้มิได้หรอก”
“เจ้า!” ฉีเสวี่ยเวยโกรธจัด
ถูหมิงกล่าวเสียงเย็น “พอแล้ว!”
“ในเมื่อยามนี้ยังมิรู้ว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรก็จงสงบปากสงบคำเสีย ช่วยเหลือกันหลายคนย่อมดีกว่า”
“หากเป็นคนเดียว ไม่มีทางที่จะออกจากป่างูนี้ไปได้หรอก”
คำพูดของถูหมิงแฝงความหมายเตือนลั่วชิงยวน
เขาคงจะกลัวนางและคนใบ้แยกตัวออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...