ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 1450

ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

ลั่วชิงยวนตกใจ แต่ก็สายเกินไปแล้วที่หลบเข้าไปในห้องเก็บฟืนได้ทัน นางจึงจำต้องหลบเข้าไปในทางเดินระหว่างห้องสองห้องข้าง ๆ

ได้แต่เอนตัวแนบชิดกำแพง มิกล้าส่งเสียง

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าภายนอก พ่อครัวใหญ่ผางดูเหมือนจะตื่นตระหนกเช่นกัน เขารีบล้างมือทันทีแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

เหล่านางกำนัลที่นำอาหารไปส่งทยอยกลับมา

มีผู้คนเดินผ่านไปมาทั้งสองด้าน ลั่วชิงยวนเดินเตร็ดเตร่อย่างไร้จุดหมาย แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นนาง

ผู้คนทยอยเดินออกไปจนหมด

ทันใดนั้นก็ได้ยินพ่อครัวใหญ่ผางสั่งขันทีว่า “ไปตรวจดูว่าคนออกไปหมดแล้วหรือยัง ข้าจะลงกลอนประตู”

“ขอรับ”

จากนั้นขันทีสองคนก็เริ่มออกตรวจตรา

ลั่วชิงยวนทำได้เพียงหาห้องใกล้ ๆ แล้วเข้าไปหลบอยู่ในมุมห้อง

ในห้องเครื่องนี้นอกจากห้องครัวหลวงแล้วส่วนที่เหลือล้วนเป็นห้องเก็บของ ไม่มีห้องพักอาศัย ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงมิได้พบเจอผู้ใด

เสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตู ขันทีเปิดประตูมองเข้าไปมิเห็นลั่วชิงยวนที่หลบอยู่มุมห้อง จึงหันหลังกลับไป

“ทุกคนออกไปหมดแล้วขอรับ ไม่มีใครแล้ว”

พ่อครัวใหญ่ผางพยักหน้า “ดี เช่นนั้นไปกันเถิด”

จากนั้นพ่อครัวใหญ่ผางก็จากไป

ประตูใหญ่ของห้องเครื่องถูกลงกลอนจากภายนอก

เมื่อผู้คนจากไปจนหมด ลั่วชิงยวนจึงออกมาจากห้องแล้วไปยังห้องที่พ่อครัวใหญ่ผางสับอะไรบางอย่างเมื่อครู่นี้

กลิ่นคาวคลุ้งรุนแรงลอยเข้าปะทะจมูก

ในห้องนี้มีเพียงเตาเล็ก ๆ เพียงเตาเดียว ดูเหมือนจะเป็นครัวส่วนตัวของพ่อครัวใหญ่ผาง

ลั่วชิงยวนจุดไฟแล้วรีบตรงไปยังเขียง บนนั้นยังมีรอยเลือดและเศษเนื้อหลงเหลืออยู่มากมาย

กลิ่นนั้นชวนคลื่นเหียน

ด้วยเหตุอะไรก็มิอาจทราบได้ รู้สึกราวกับมีกลิ่นศพเจือปนอยู่...

นางย่อตัวลง เปิดถังแล้วเปิดถุงดู ปรากฏว่าในนั้นเต็มไปด้วยเศษเนื้อ

เนื้อที่ถูกสับจนละเอียด

ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว ทนกลิ่นเหม็นคาวนั้นไว้ แล้วลองเขย่าถุงดู พบว่าใต้เศษเนื้อนั้นมีบางอย่างสีแดงอยู่

ดูคล้ายเครื่องใน

แต่เล็กมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย