ทว่าลั่วไห่ผิงเพียงแค่นเสียงแล้วหันกลับไป
"เจ้าคิดเอาเองเถอะ!"
หลังจากเขาพูดจบก็ขึ้นรถม้าไปทันที
ลั่วชิงยวนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด
ถึงแม้ว่าแม่นมกู้จะคอยรับใช้มารดาของนาง แต่นางเองก็เป็นแม่นมของลั่วไห่ผิงเช่นกัน!
เขาเอ่ยวาจาไร้มนุษยธรรมเช่นนั้นออกมาได้อย่างไรกัน?
ลั่วชิงยวนตระหนักได้ถึงความต่ำช้าไร้ยางอายของบิดาตนอีกครั้ง!
รถม้าจอดนิ่งอยู่ตรงนั้นมิได้ขยับเขยื้อน
ราวกับคาดว่านางจะต้องกลับมาจึงรอคอยนางอยู่ตรงนั้น
ลั่วชิงยวนสะกดกลั้นโทสะแล้วเดินกลับไป
เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของจือเฉา ลั่วชิงยวนก็เอ่ยปากพูดสองสามคำ
ถึงจะไม่มีเสียงดังขึ้นมา แต่นางก็หวังว่าจือเฉาจะเข้าใจ
หลังจากกลับมาที่รถม้าก็นั่งลง ลั่วเยวี่ยอิงจึงยิ้มเยาะขึ้นมา "นับว่าเจ้ายังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง จึงมิได้ลากผู้บริสุทธิ์เข้ามาพัวพัน!"
ลั่วชิงยวนเหลือบมองลั่วเยวี่ยอิงกับลั่วไห่ผิงด้วยสายตาเย็นชา "ข้ามีมโนธรรมอยู่แล้ว แต่พวกเจ้าสองพ่อลูกกลับหาได้เป็นเช่นนั้นไม่"
"เจ้ายังปากดีอยู่อีกรึ? ข้าหวังว่าเจ้าจักปากดีต่อไปได้อีกก็แล้วกัน!"
ลั่วเยวี่ยอิงโมโหเสียจนกัดฟันกรอด ๆ หากตอนนี้นางมิได้อยู่บนรถม้า ป่านนี้คงได้ฉีกปากของลั่วชิงยวนให้เป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว!
เมื่อกลับมาถึงจวนอัครเสนาบดี
ทันทีที่ลั่วไห่ผิงออกคำสั่ง คนรับใช้หลายสิบคนก็เข้ามาจับตัวลั่วชิงยวนเอาไว้
"พานางไปที่ห้องมืด!" ลั่วไห่ผิงเหลือบมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาขึ้งเคียด
คนรับใช้กดไหล่ของนางแล้วผลักนางเข้าไปในเรือนแล้วพานางไปท้ายเรือน
ดึกดื่นค่ำคืนกลับมีเสียงดังมากเสียจนแม่นมกู้ต้องเดินออกมาเกาะกำแพงดู เมื่อนางเห็นภาพเหตุการณ์ฉากนี้เข้า นางก็ร้อนใจเป็นที่สุด
"พวกเจ้าทำกระไรกัน? ปล่อยนา! ปล่อยนางไปซะ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
กำลังสนุกเลยค่ะต่อๆค่ะ...
เนื้อเรื่องไม่มีความฉลาดเลย แต่ละคน บ้าบอมาก...
ตายๆ ไปซะ นางเอกไร้น้ำยา ทำอะไรก้ไม่ได้ดีซักอย่าง...
พระชายยา เหี้ยไร ไร้น้ำยาสิ้นดี เหมือนนางทาส...
นางเอกก็หน้าด้านชิบหาย ผัวเกลี่ยดขนาดนี้ ก็ยังหน้าด้านทน...
🫠...
อ๋องคือโง่มากอะ เหมือนจะฉลาดแต่ก็ไม่พกสติเลย นางเอกก็โดนทรมานเกิน...
กลับมาแล้ว ว้าวววววววววววว...
หายยาววววววววววววว😒😒😒...
อัพต่อหน่อยค่ะแอด พลีสสสสสสสสสสสส...