ฟู่เฉินหวนยิ่งรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินน้ำเสียงคาดหวังของนาง
นางหลงรักฟู่อวิ๋นโจวเช่นนั้นหรือ?
คราแรกนางอยากแต่งงานกับเขาสุดใจมิว่าจะด้วยวิธีใด แต่ยามนี้นางต้องการหย่าและอยู่ร่วมกับฟู่อวิ๋นโจว
นางคิดเช่นไรกับเขากันแน่? !
ลำคอหายใจขัดคล่อง โทสะปะทุอย่างควบคุมมิได้
แต่ในที่สุดเขาก็มิได้เอ่ยวาจาใด เพียงตะโกนว่า “ออกไป!”
ลั่วชิงยวนมิเข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงโกรธกะทันหันเยี่ยงนี้ อย่างไรแล้วเขาก็มิได้รักนาง แล้วเหตุไฉนเขาจึงสนใจปฏิสัมพันธ์ของนางกับฟู่อวิ๋นโจวอยู่เสมอเล่า?
แม้ว่าปกติ ฟู่อวิ๋นโจวจะเรียกเธออย่างใกล้ชิดสนิทสนม แต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนกัน ปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาก็มิได้ข้ามเส้นมิตรภาพ ไฉนฟู่เฉินหวนถึงเป็นเช่นนี้?
นางระงับความคับข้องใจแล้วหันหลังเดินออกจากห้องตำราไป
นางต้องออกจากตำหนักอ๋องให้จงได้
ทันทีที่เธอเดินมาถึงลานด้านหน้า องครักษ์กลุ่มหนึ่งก็ล้อมนางเอาไว้ “พระชายา โปรดกลับไปที่เรือนเถิดขอรับ!”
ลั่วชิงยวนถูกขังไว้ในเรือน คราวนี้ประตูถูกล็อกหนาแน่นเพื่อกันมิให้นางออกไป
จือเฉาเองก็ถูกขังอยู่ในเรือนกับนาง มีเพียงแม่นมเติ้งเท่านั้นที่นำอาหารมาให้ทั้งสองจากข้างนอกได้
ลั่วชิงยวนนั่งอยู่ในห้อง พลางรู้สึกหดหู่ยิ่ง
จือเฉาสนทนาสั้น ๆ กับแม่นมเติ้งแล้วรีบหันหลังกลับมา
“พระชายา แม่นมเติ้งบอกว่า ท่านอ๋องขังท่านไว้ในตำหนักเหตุเพราะงานเทศกาลโคมไฟเจ้าค่ะ อย่างไรแล้วท่านอ๋องทรงเป็นพระประยูรญาติใหญ่น้อยเช่นกัน เมื่อถึงวันนั้นท่านอ๋องจักพาพระชายาไปด้วยเจ้าค่ะ”
“แม่นมเติ้งขอให้พระชายาอดทนสักพัก หลังจากเทศกาลโคมไฟสิ้นสุดลง นางจักหารือกับท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วชิงยวนก็ตะคอกอย่างเย็นชา “หารืองั้นรึ? ดูสถานการณ์ยามนี้เถอะ เป็นไปมิได้ที่จักหารือกับเขากระมัง!”
นางคิดว่าวันนี้นางสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ชัดเจนแล้ว เช่นนั้นจึงขอกลับจวนนอกเมือง
ไหนเลยจะรู้ว่าจู่ ๆ เขาก็พลันโกรธขึ้นมา อีกทั้งยังบอกว่านางอยากพบองค์ชายห้าอีก
มันจะมากเกินไปแล้วจริง ๆ !
บัดนี้นางถูกขังอยู่ในตำหนักอีกครั้ง
ซูโหยวเปิดกล่องผ้าให้นางดู
สิ่งที่วางอยู่บนอาภรณ์คือหน้ากากทองคำอันวิจิตรงดงาม
ลั่วชิงยวนเยาะเย้ย “ท่านอ๋องทรงเตรียมมาดีเสียจริงหนา”
“พระชายา วันพรุ่งท่านต้องไปแต่เช้าขอรับ”
ซูโหยวพูดจบก็เดินออกไป
วันรุ่งขึ้นก่อนรุ่งสาง ลั่วชิงยวนกลุกขึ้นก็เริ่มเตรียมพร้อม
หลังจากผลัดผ้าแล้วก็พบว่าตัวนางเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด อาภรณ์จึงหลวมนิดหน่อย
อาภรณ์บุฝ้ายเนื้อหนาที่นางใส่ตอนนี้มิพอดีกับรูปร่างเดิมของนาง แต่คงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความแตกต่างได้กระมัง
ท้ายที่สุดแล้ว ความคิดที่ผู้คนทั้งหลายมีต่อนางก็คือ อ้วนอัปลักษณ์
เมื่อมองไปยังสตรีผู้สง่างามสูงส่งในคันฉ่องสีทองแดง ลั่วชิงยวนก็ยกมุมริมฝีปากขึ้นด้วยความพึงพอใจและสวมหน้ากากนั้น
“พระชายาสวมหน้ากากนี้แล้วดูดีเหลือเกินจ้าค่ะ!” จือเฉาก็อดมิได้ที่จะประหลาดใจกับความงามของสตรีในคันฉ่องทองแดง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...