ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 372

“หุ่นเชิดที่นำออกมานั้นน่าสงสัยนัก ควรเก็บไว้ในวังหลวงเป็นการชั่วคราวเพื่อสอบสวนต่อไป"

ควรเก็บไว้ในวังหลวงเป็นการชั่วคราวเพื่อสอบสวนต่อไป?

สอบสวนนางหรือ?

ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกมีลางสังหรณ์

ฟู่เฉินหวนก็ประหลาดใจเช่นกัน

หลังจากที่ทุกคนลุกขึ้นแล้ว ไทเฮาก็ส่งข้าหลวงเตรียมนำลั่วชิงยวนออกไป

ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต้องใช้เวลานานเท่าใดในการสืบสวนจึงจะปล่อยนางออกจากวังได้?”

ไทเฮายิ้มจาง ๆ เอ่ยว่า “นี้เป็นรับสั่งจากไท่ซ่างหวง อ๋องผู้สำเร็จราชการหมายต่อต้านเช่นนั้นรึ?”

“การสืบสวนใช้เวลานานเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับเรารู้ความจริงเมื่อใด เช่นนั้นแล้วก็จักปล่อยนางไป หากราบรื่นว่องไว คงหนึ่งหรือสองวันกระมัง”

ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วมิเอ่ยคำใด เขาทำได้เพียงปล่อยให้ลั่วชิงยวนถูกพาตัวไปเช่นนั้น

“พระชายา เชิญขอรับ!” ขันทีทำท่าทีผายมือเชิญ

หัวใจของลั่วชิงยวนจมลง นางหันไปมองฟู่เฉินหวน

เขาจะปล่อยให้ผู้ใดมาพาตัวนางไปก็ได้แบบนี้เช่นนั้นหรือ...

ฟู่เฉินหวนยังคงนิ่งเงียบ

หัวใจของลั่วชิงยวนหนักอึ้ง นางยอมรับผลของสิ่งที่นางเลือกทำแล้ว

ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเดินตามขันทีไป

ฟู่เฉินหวนมองไปยังแววตาอันเด็ดเดี่ยวของนางภายใต้หน้ากากนั้น ทำให้หัวใจของเขาเหมือนมีหนามโผล่ขึ้นมาในทันใด รู้สึกเจ็บปวดไปทุกด้าน

ลั่วชิงยวนถูกพาตัวไป พิธีการยังคงดำเนินต่อไป

ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อนว่าไท่ซ่างหวงจะเสด็จมา เนื่องพระองค์ประชวรหนักและถอนตัวจากงานราชการแล้ว และไม่มีผู้ใดคาดว่า พระองค์จะมาปกป้องอ๋องผู้สำเร็จราชการ

ไท่ซ่างหวงรับสั่งมิให้ผู้ใดแตะต้องอ๋องผู้สำเร็จราชการ เช่นนั้นเรื่องนี้จึงได้ยุติลง

แม้ปัญหาของฟู่เฉินหวนจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ยามนี้เขามิสามารถออกไปจากที่นี่ได้ คนเหล่านี้อ้างว่า เขาเป็นต้นเหตุให้เกิดบุพนิมิต หากเขาจากไปเช่นนั้น ก็จะมีการกล่าวหาอีกว่า เมื่อเขาจากไป บุพนิมิตก็หายไปด้วย

เขาจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะสิ้นสุดพิธีการเพื่อพิสูจน์ว่า ความกริ้วจากพระวิญญาณบรรพบุรุษของราชวงศ์นั้นเป็นเพียงความพยายามเจตนาใส่ร้ายตน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย