ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 410

ลั่วชิวยวนเงยหน้า มองเขาด้วยสายตาเยือกเย็นทีหนึ่ง ลุกขึ้นลงจากรถม้าทันที

และเดินเข้าตำหนักโดยมิหันกลับมามอง

ฟู่เฉินหวนตะลึง เขาขมวดคิ้วแน่น ในใจเอ่อล้นไปด้วยโทสะ

เขาคิดมาทั้งทาง เดิมทีอยากอธิบายกับนาง

ผู้ใดจะรู้ว่านางจะมิใส่ใจสักกระผีก ก้าวขาลงจากรถม้าเดินเข้าตำหนักไป

ซูโหยวรีบขึ้นหน้า “ท่านอ๋อง เมื่อครู่มีคนส่งข่าวมา งานล่าสัตว์วสันตฤดูใกล้มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ จึงอยากเชิญท่านเข้าวังเพื่อปรึกษา”

น้ำเสียงฟู่เฉินหวนรำคาญใจ “ไม่ไป”

เขาเดินเข้าเรือนในก้าวใหญ่ และเอ่ยเสียงเย็น “ความคิดมิอยู่บนชาติแคว้น คิดแต่เรื่องเล่นทั้งวัน วันหนึ่งต้องเล่นจนตำแหน่งจักรพรรดิหายแน่!”

ซูโหยวชะงักเล็กน้อย และมิกล้าเอ่ยตอบ

ท่านอ๋องร่วมงานเลี้ยงที่จวนอัครมหาเสนาบดีแล้ว โมโหสิ่งใดมากัน?

ไฉนราวกับทรงเสวยดินปืนมาเลยเล่า?

……

หลังจบงานเลี้ยงลั่วไห่ผิง แม้ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนจะอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่กลับมิได้เจอหน้ากันอีก

ประตูเรือนของนางมักปิดไว้ ทุกวันนอกจากจือเฉาและแม่นมเติ้งที่เข้าไปส่งข้าวให้นาง ไม่มีผู้ใดอื่นเข้าออกอีก

ส่วนลั่วชิงยวนนั้นได้กลับไปค้าขายในร้านแต่นานแล้ว

ตอนดึก ๆ นางจึงแอบกลับตำหนัก

……

น้ำแข็งฤดูเหมันต์ละลาย ความเหน็บหนาวเริ่มซา ผู้คนที่สัญจรค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น

ตรอกฉางเล่อครึกครื้นขึ้นทุกวัน

มีรถม้าตระกูลใหญ่เข้าออกทุกวัน และจอดอยู่หน้าร้านทำนาย

เมื่อมีบุคคลมีหน้ามีตามาเป็นครั้งคราว จำเป็นต้องปิดประตูทำนาย

นี่ทำให้ลั่วชิงยวนมีความเข้าใจกับบุคคลอิทธิพลในเมืองหลวงมากขึ้น นางรู้จักผู้คนไม่น้อย และรู้ถึงเรื่องหนักใจของพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย