”หลังจากมอบเรือนหลังนั้นให้เถ้าแก่ร้านข้าง ๆ เอาไปขายก็ย้ายออกไปวันนั้นเลย ไม่มีความเคลื่อนไหวหน้าเรือนหลังนั้นเลย ตอนเย็นถึงได้มีคนเข้าไปตรวจสอบดู”
“ตอนที่ข้าเข้าไปยามค่ำคืน ทั้งตระกูลก็จมอยู่ใต้ถังน้ำแล้ว”
เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็จิตใจสั่นสะท้าน นางจำได้ว่าคราที่ลิ่นฝูเสวี่ยพูดจา ลมหายใจของนางกลับแผ่กลิ่นอายเยียบเย็น ตอนนี้พบศพของทั้งตระกูลอยู่ในน้ำก็บ่งบอกได้ว่าเรื่องราวเกี่ยวโยงสัมพันธ์กัน
“ท่านลุง ท่านทราบรายละเอียดหรือไม่?” ลั่วชิงยวนถาม
ท่านลุงยกกาน้ำชาขึ้นมารินชาร้อนสองถ้วย จากนั้นก็ค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าของคฤหาสน์หลังนั้นเป็นพ่อค้าวาณิชย์จากนอกเมือง เดิมทีซื้อคฤหาสน์หลังนี้เอาไว้เพื่อสะดวกในการติดต่อค้าขาย ผู้คนบนถนนสายนี้ต่างเรียกเขาว่าคหบดีหลี่”
“เมื่อปีนั้น เขาหลงรักคณิกานางหนึ่งในหอนางโลมตั้งแต่แรกพบ ทั้งยังทุ่มเงินมหาศาลเพื่อไถ่ตัวนางออกมา โดยไม่สนใจข่าวลือจากภายนอก จากนั้นก็แต่งนางเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะ”
“ยามนั้นเจ้าจักได้ยินเสียงภรรยาของเขาร้องรำทำเพลงอยู่ในเรือนอยู่เสมอ”
“แต่ผู้ใดจะรู้เล่าว่าคหบดีหลี่จะแต่งภรรยาอยู่ที่บ้านเกิดแล้ว เมื่อภรรยาเห็นว่าเขาไม่กลับบ้านเสียหลายเดือน นางจึงมาที่เรือนหลังนี้จนเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขึ้นมา”
“ต่อมาภรรยาของเขาเองก็ย้ายมาที่เมืองหลวง ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเขาต่อรองกันเช่นไร แต่ภรรยาของเขาก็ยอมตกลงให้คณิกาในหอนางโลมนางนั้นอยู่ที่เรือนในฐานะอนุ”
“จนกระทั่งอนุนางนั้นเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา คหบดีหลี่ก็เดินทางไปทำการค้าถึงครึ่งค่อนเดือน เมื่อเขากลับมาก็ไม่มีร่องรอยของอนุนางนั้นแล้ว”
“คหบดีหลี่เที่ยวค้นหาไปทั่วทุกหนแห่งราวกับจวนจะคลุ้มคลั่ง จนพบศพที่ถูกแช่แข็งอยู่ในห้องเก็บเครื่องดื่ม”
“เดิมทีคหบดีหลี่คิดจะไปแจ้งทางการ ทว่าตระกูลฝ่ายภรรยาของตนมีอิทธิพลในท้องถิ่นค่อนข้างมาก เขาเกรงว่าจะส่งผลต่อเส้นสายทางการค้าของตน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ข่มกลั้นโทสะแล้วป่าวประกาศออกไปว่านางตายเพราะบังเอิญถูกขังอยู่ในห้องเก็บเครื่องดื่ม”
“ทว่านับแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกคืนก็จะได้ยินเสียงร้องรำทำเพลงดังออกมาจากเรือน สร้างความหวาดกลัวให้แก่คนรับใช้ทุกคนในเรือน”
“คหบดีหลี่เกรงว่าวิญญาณของอนุนางนั้นจักหาทางแก้แค้น ดังนั้นเขาจึงเรียกนักพรตเต๋ามาปราบนาง เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ากำจัดวิญญาณร้ายออกไปได้แล้ว”
“ผู้ใดจักรู้ว่าอีกไม่กี่วันต่อมาก็เกิดเรื่องขึ้นอีก”
“คหบดีหลี่รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากย้ายออกไปพร้อมกับครอบครัวของตน เขาไม่อยากได้เรือนหลังนั้นอีกแล้ว เขาจึงวานเถ้าแก่ร้านข้าง ๆ ให้ช่วยขายให้”
“ต่อมาก็พบศพของคนทั้งคู่จมอยู่ในถังน้ำ พอข้าลองเข้าไปดู ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกน้ำร้อนลวกเสียสุกเลยเชียว”
ขณะที่ท่านลุงเล่าให้ฟัง เขาก็ส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ลั่วชิงยวนแววตาเคลือบคลุม “ไฉนคหบดีหลี่ถึงมิเชิญนักพรตเต๋ามาอีกเล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
สนุกมากๆค่ะ...
สนุกมากกกเรื่องนี้ ตอนแรกนึกว่างั้นๆ อ่านมาถึงบทที่600 เข้มข้นมากกหยุดอ่านไม่ได้ จนตอนนี้อ่านถึงบทที่1000 ละ อยากให้ลงวันละ10 ตอนได้ไหมคะ วันละ5 น้อยเกินอ่ะ 🥹🥹🥹💕💕 ตามต่อ...
ชอบมากค่ะ อยากได้เล่ม🙏🏻☺️🥹 หวังว่าไรท์จะเห็นนะคะ...
สนุกมาก...
พระเอกก็โง่ นางเอกก็งี้เง่าไม่สมเหตุสมผลอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็อวยยศเป็นถึงปรมาจารย์ แต่สกิลอ่อนด๋อยมาก เสียเวลาอ่านจริงๆ จะครึ่งเรื่องละยังไม่มีสาระอะไรเลย...
หลงเข้ามาอ่านเสียเวลาตั้งนาน ในเรื่องมีแต่พวกสติไม้เต็ม พระเอกปัญญาอ่อน+ ไบโพล่า กลับกลอกชิบหาย นางเอกก็โง่จนเอียนหวังพึ่งพอ ช่วยพอ.มันทำห่าอะไร ทำดีไม่เคยได้ดี ประสาทแดก...
นังเอกนี่ควายมั้ย โง่บรม...
กำลังสนุกเลยค่ะต่อๆค่ะ...
เนื้อเรื่องไม่มีความฉลาดเลย แต่ละคน บ้าบอมาก...
ตายๆ ไปซะ นางเอกไร้น้ำยา ทำอะไรก้ไม่ได้ดีซักอย่าง...