ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 424

วันนั้นลั่วชิงยวนสั่งให้คนมาทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกเรือน พร้อมแขวนโคมไฟเอาไว้หน้าประตูและลานเรือน

เมื่อปราศจากภาพลวงตา เรือนก็แลดูใหญ่โตโอ่อ่าเหมือนกับที่เห็นเมื่อคืนนี้

เนื่องจากมีความเคลื่อนไหวไม่น้อยจึงเป็นที่รู้กันไปทั่วถนนทั้งสาย

ช่วงกลางวันในเรือนหามีความเคลื่อนไหวอันใด ลั่วชิงยวนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็หาทราบไม่ว่าคนไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

ตกกลางคืน ลั่วชิงยวนก็มาที่ประตูเรือนอีกครั้ง แต่คราวนี้นางมิได้พาซ่งเชียนฉู่มาด้วย เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายอาจจะหวาดกลัวได้

ลมราตรีหอบหนึ่งพัดพาความเหน็บหนาวมาเล็กน้อย จากนั้นประตูก็เปิดดังเอี๊ยดราวกับต้อนรับนางให้เข้ามา

ลั่วชิงยวนก้าวเดินเข้ามาในลานเรือนด้วยฝีเท้ามั่นคง นางได้ยินเสียงของลิ่นฝูเสวี่ยกำลังร้องเพลงจากเรือนชั้นในแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไป

ยังคงเป็นเวทีทรงกลม ดังเช่นเมื่อคืนนี้ คนที่อยู่บนเวทีกำลังร้องรำทำเพลงราวกับมีผู้ชมอยู่

ลั่วชิงยวนมัวแต่ครุ่นคิด ทว่าชั่วครู่ต่อมา ความเหน็บหนาวก็ไต่ขึ้นมาตามแผ่นหลังของนางแล้วนิ้วมือเย็นเฉียบก็ค่อย ๆ วางลงบนไหล่ของนาง

ลมหายใจหอมกรุ่นราวดอกกล้วยไม้เอ่ยกระซิบว่า “คุณชาย มาเต้นรำกันเถอะเจ้าค่ะ”

มือเรียวบางของอีกฝ่ายพลันวางลงบนหน้าอกของนาง ทำเอานิ้วมือซีดขาวของนางสั่นเล็กน้อยด้วยความหวาดกลัว

“สตรีกระนั้นหรือ?” น้ำเสียงน่าขนลุกในหูของนางพลันเบิกบานขึ้นมาทันที

ชั่วครู่ต่อมา ลิ่นฝูเสวี่ยก็จับมือนางเอาไว้แล้วร่างบางก็กระโจนเข้ามาอยู่ตรงหน้าของนาง “แม่นาง เจ้ากับข้ามีชะตาต้องกัน ไยเจ้าถึงไม่อยู่กับข้าที่นี่เสียเล่า?”

“อยู่กับข้า”

เสียงหัวเราะกระจ่างใสราวกับกระดิ่งเงินดังก้องอยู่ภายใต้ท้องนภายามราตรี

ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายหัวเราะอย่างไร้พิษภัย แต่ลั่วชิงยวนกลับสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บหลายสายที่เลื้อยพันรอบแขนขาอันกำลังแทรกซึมเข้ามาในร่างของนาง

เมื่อลั่วชิงยวนก้มหน้าก็เห็นด้ายสีแดงราวกับโลหิตพยายามที่จะเข้ามาในร่างของนาง แววตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นนางก็หยิบเครื่องรางออกมาเผาด้วยท่าทีใจเย็น เพียงโบกมือเปลวเพลิงก็ปะทุขึ้นมาบีบให้ด้ายสีแดงต้องถอยร่น

“มาดูเจ้าร่ายรำก็นับว่าข้าไว้หน้าเจ้ามากแล้ว อย่ากดดันให้มากเกินไปนักเลย”

เสียงหัวเราะของลิ่นฝูเสวี่ยกลับยิ่งลึกล้ำเกินหยั่งถึง “แม่นาง เจ้าอายุยังน้อยแต่กลับมากความสามารถ…”

มองเพียงปราดเดียวก็บอกได้เลยว่า อีกฝ่ายหาใช่ผู้ที่ตนจะสามารถล่วงเกินได้!

ลั่วชิงยวนเองก็รู้สึกว่านี่ต่างหากล่ะถึงจะเป็นพลังที่แท้จริงของราชันย์อสรพิษ เมื่อเทียบกับแต่ก่อนแล้ว พลังของมันเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าตัว

ครั้นนางเข้าไปในถ้ำอสรพิษ หากมิใช่เพราะอยู่ในฤดูเหมันต์ล่ะก็ เกรงว่าพลังของนางจะไม่พอให้อุดซอกฟันของราชันย์อสรพิษเสียด้วยซ้ำไป

ถึงกระนั้นงูยักษ์ก็ยังขู่ฟ่อ ๆ พลางเอ่ยด้วยท่าทีโกรธจัดว่า “ข้าไม่คุ้นเคยกับเรื่องพรรค์นี้เอาเสียเลย!”

ลั่วชิงยวนยิ้มเยาะ “ออกมายืดเส้นยืดสายบ้างก็หาใช่เรื่องเลวร้ายอันใดกระมัง”

งูยักษ์เหลือบมองลิ่นฝูเสวี่ยด้วยสายตาดูแคลน

“มีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้ด้วยรึ?”

ลั่วชิงยวนยิ้มพลางกล่าวว่า “หากพวกเจ้าทั้งคู่ต่อสู้กันขึ้นมาจริง ๆ คงยากจะบอกได้ว่าผู้ใดจะแพ้ผู้ใดจะชนะ”

แต่ลิ่นฝูเสวี่ยกลับถอยหลังไปสองก้าว สีหน้าฉายแววหวาดกลัวและระแวดระวังอย่างเห็นได้ชัด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย