แต่นางก็มีข้อได้เปรียบพอให้กำแหงได้จริง ๆ นั่นแหละ!
……
ลั่วชิงยวนออกจากหอเจาเซียงอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางเสียงดังสับสนวุ่นวาย
หามีผู้ใดสังเกตเห็นนางสักคนไม่
หลังออกมาจากหอเจาเซียง ลั่วชิงยวนรู้สึกว่าอากาศสดชื่นขึ้นจนอดมิได้ที่จะสูดหายใจลึก ๆ
“สวรรค์ คราวหน้าพวกเราจักมาเมื่อใดรึ?” ลิ่นฝูเสวี่ยตั้งหน้าตั้งตารอคอยคราวหน้าแล้ว
ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่สักครู่ “คราวหน้าข้าย่อมต้องกลับมาอีกแน่”
“ว่าแต่ยังมิถึงเวลาที่เจ้าจะบอกเงื่อนงำเกี่ยวกับมารดาของข้าอีกหรือ?”
ลิ่นฝูเสวี่ยยกยิ้มเยาะ “ท่านตัวเล็กนิดเดียว ทว่ากลับฉลาดเป็นกรด”
“ในเมื่อวันนี้ท่านให้ความร่วมมือแต่โดยดี ข้าจักบอกท่านให้รู้ก่อนว่าข้ารู้ชื่อจริงของมารดาท่าน”
“มารดาของท่านมีนามว่าลั่วอิง”
ทันทีที่เอ่ยวาจาออกมา ลั่วชิงยวนก็ฝีเท้าซวนเซและตกตะลึงไปทั้งร่างประดุจดั่งถูกสายฟ้าฟาด
ลั่วอิง!
ลั่วอิง!
สองคำนี้วนเวียนอยู่ในหัวของนาง
เป็นอาจารย์จริง ๆ ด้วย!
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้นางมักจะคิดเช่นนี้มาโดยตลอด แต่เมื่อคำตอบได้รับการยืนยันในที่ท้ายสุด นางก็ยังคงรู้สึกตกตะลึง
นางสงบสติอารมณ์แล้วถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “เช่นนั้นยามที่อยู่ในตระกูลลั่ว นางมีชื่อว่าอันใดหรือ?”
“หวังซูอี๋ ท่านมิทราบหรอกหรือ?”
เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็แทบไม่อยากเชื่อเลย “อันใดกัน? หวังซูอี๋? ชื่อนี้มาจากที่ใดกันอีกเล่า?”
“นางบอกว่าลั่วไห่ผิงเป็นคนตั้งชื่อให้นาง อย่างไรเสียพวกเขาก็แซ่ลั่วเหมือนกัน เกรงว่าหากวาจาเล็ดลอดออกไปจะเกิดข่าวลือได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนชื่อให้นาง”
“ในใต้หล้านี้น่าจะมีน้อยคนนักที่รู้ชื่อจริงของนาง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
กำลังสนุกเลยค่ะต่อๆค่ะ...
เนื้อเรื่องไม่มีความฉลาดเลย แต่ละคน บ้าบอมาก...
ตายๆ ไปซะ นางเอกไร้น้ำยา ทำอะไรก้ไม่ได้ดีซักอย่าง...
พระชายยา เหี้ยไร ไร้น้ำยาสิ้นดี เหมือนนางทาส...
นางเอกก็หน้าด้านชิบหาย ผัวเกลี่ยดขนาดนี้ ก็ยังหน้าด้านทน...
🫠...
อ๋องคือโง่มากอะ เหมือนจะฉลาดแต่ก็ไม่พกสติเลย นางเอกก็โดนทรมานเกิน...
กลับมาแล้ว ว้าวววววววววววว...
หายยาววววววววววววว😒😒😒...
อัพต่อหน่อยค่ะแอด พลีสสสสสสสสสสสส...