ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 452

ทันทีที่เอ่ยวาจาออกมา

แม่เล้าเฉินก็ตกตะลึง

จากนั้นนางก็แค่นยิ้มเย็นชา “ท่านคิดจักซื้อหอหลินชุนของพวกเราในราคาห้าพันตำลึงกระนั้นหรือ?”

“จริงอยู่! กิจการของหอหลินชุนเราอาจมิดีเท่าแต่ก่อน ทว่าอย่างไรเสียข้าก็เปิดกิจการมาหลายสิบปี! ข้าจักขายให้ท่านในราคาเพียงห้าพันตำลึงได้อย่างไรกัน?”

“เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย! ไปซะ ไปซะ!”

“ซิ่งอวี่ พาตัวเขาออกไป!”

แม่เล้าเฉินออกคำสั่งขับไล่โดยไม่ลังเลสักนิด

ลั่วชิงยวนจึงเริ่มเกลี้ยกล่อมว่า “ข้าซื้อหอคณิกาเอาไว้ก็มิได้ไล่เจ้าไปสักหน่อย เจ้ายังอยู่ดำเนินกิจการต่อไปได้”

“มิหนำซ้ำข้ายังทำให้กิจการของเจ้ารุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งด้วย”

เมื่อแม่เล้าเฉินได้ยินเช่นนี้ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็หันมามองนางด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ “ลำพังตัวท่านน่ะหรือ? ท่านมีความสามารถอันใดจักทำให้กิจการของหอหลินชุนเราเฟื่องฟูขึ้นมาได้เล่า?”

ลั่วชิงยวนยังไม่ตอบ

ซิ่งอวี่รีบก้าวเข้ามาคว้าตัวแม่เล้าเฉินพลางกล่าวว่า “นางคือแม่นางฝูเสวี่ยนะเจ้าคะ!”

เมื่อแม่เล้าเฉินได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก “ฝูเสวี่ย?”

“ฝูเสวี่ยที่ร่ายรำอยู่ในหอเจาเซียงกระนั้นหรือ?”

ลั่วชิงยวนพยักหน้าไม่ใส่ใจ

แม่เล้าเฉินพลันแววตาเป็นประกาย จากนั้นก็เดินวนไปวนมารอบตัวนางพลางกวาดสายตามองขึ้น ๆ ลง ๆ

“เช่นนั้นท่านก็คือแม่นางฝูเสวี่ยกระนั้นหรือ?”

“ท่านยินดีมาที่หอหลินชุนของพวกเราจริง ๆ หรือ?”

ลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเข้ามานั่งลงพลางเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้ายินดีจ่ายห้าพันตำลึงเงินเพื่อซื้อหอหลินชุนของเจ้า ทุกคนสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้”

“ทว่านับจากนี้เป็นต้นไป ข้าคือเจ้าของหอหลินชุน เจ้าสามารถจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เอง แต่การตัดสินใจส่วนใหญ่จักตกเป็นของข้า”

“ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อหอหลินชุนก็จะเปลี่ยนเป็นหอฝูเสวี่ย”

“นี่เป็นหนทางดึงดูดความสนใจของเหล่าลูกค้าได้รวดเร็วที่สุดแล้ว”

“หากเจ้าตอบตกลง เช้าวันพรุ่งพวกเราก็ลงนามสัญญากันเถอะ”

“แต่หากเจ้ามิตอบตกลงก็หาเป็นอันใดไม่ เพราะข้าสามารถซื้อหอคณิกาแห่งใดก็ย่อมได้”

ลั่วชิงยวนให้สัญญาว่าจะมอบเงินให้ยามเช้าวันรุ่งขึ้น

แม่เล้าเฉินรับสัญญาแล้วเก็บเข้าแขนเสื้อด้วยท่าทีเบิกบานใจพลางกล่าวว่า “เรื่องเงินมิสำคัญ อยากให้ทำอันใดก็เชิญว่ามาได้เลย!”

“คืนนี้ข้าจักสั่งให้คนมาทำความสะอาดแล้วจัดห้องใหญ่เอาไว้ให้ท่านแล้ว ท่านชอบอาภรณ์สีอันใดเจ้าคะ ข้าจักได้สั่งให้คนไปซื้อหามาสักหลาย ๆ ชุด”

“วันพรุ่งพวกเราร่ายรำกันเลยหรือไม่เจ้าคะ?”

ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่สักครู่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ยังมิต้องรีบร้อน”

“ข้าเพิ่งจะออกมาจากหอเจาเซียง เกรงว่าหลายคนยังมิทราบเรื่อง ข้าจักเริ่มสร้างแรงกระตุ้นด้วยการเปลี่ยนป้ายชื่อเพื่อบอกว่าฝูเสวี่ยมาที่หอฝูเสวี่ยแล้ว ให้คนพวกนั้นมาเสวนาเรื่องการร่ายรำกันที่นี่”

เมื่อแม่เล้าเฉินได้ยินเช่นนี้ก็ผงกศีรษะ “ใช่แล้ว นี่เป็นความคิดที่ดี! ข้าใจร้อนเกินไป!”

เมื่อเริ่มค่ำมืดดึกดื่นขึ้นเรื่อย ๆ ลั่วชิงยวนก็ไม่มีทางเลือกนอกจากกล่าวร่ำลาแล้วเดินจากไป

นางกลับไปที่ร้านทำนายดวงชะตาก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนชุดแล้วกลับมาที่ตำหนักอ๋อง

อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนางสวมชุดพวกนี้อยู่นานก็มีเหงื่อผุดซึมออกมาแล้ว เมื่อนางเดินกลับมาถึงตำหนักอ๋อง ชุดของนางก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเสียแล้ว

ทันทีที่นางเข้ามาใกล้เรือน นางก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งค่อย ๆ ประชิดเข้ามาภายใต้ท้องนภายามราตรี

นางมิทันมีเวลาเปิดประตูเรือนเข้าไปเสียด้วยซ้ำ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย