นางแสร้งทำทีราวกับว่าเพิ่งจะออกมาจากเรือน จากนั้นก็แหงนหน้ามองท้องนภายามราตรีแล้วค่อย ๆ เดินออกมาข้างนอก
ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นทางด้านหลัง
“ข้าคิดว่าเจ้าจักหลบอยู่ในเรือนไปชั่วชีวิตแล้วเสียอีก”
เมื่อลั่วชิงยวนหันหน้าไปก็เห็นฟู่เฉินหวนค่อย ๆ เดินเข้ามาหา
มีแววเศร้าโศกผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาอันหาได้ยาก ทั้งยังมีความรู้สึกที่แท้จริงอีกด้วย
ลั่วชิงยวนมิได้ตอบคำ
ฟู่เฉินหวนค่อย ๆ เดินเข้าไปหานาง จากนั้นก็เงยหน้ามองดวงจันทร์แล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “หลังจากฤดูเหมันต์ ข้าคิดว่าเจ้าดูเหมือนจะน้ำหนักลดไปบ้าง หมู่นี้ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าอยากให้ข้าเชิญแม่นางซ่งให้มาตรวจดูหรือไม่?”
เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ
เขาสังเกตได้ว่านางน้ำหนักลดลงไปบ้าง
แต่ความประหลาดใจอันน้อยนิดที่ผุดขึ้นในยามนั้นกลับถูกความเหน็บหนาวที่ตามมาปัดเป่าไปจนสิ้น
“ท่านอ๋องคิดเชิญแม่นางซ่งมาที่นี่ เพราะต้องการให้แม่นางซ่งรักษาลั่วไห่ผิงกระมังเพคะ?”
“ไฉนต้องแสร้งทำเป็นห่วงใยหม่อมฉันให้ฟังดูใหญ่โตเช่นนั้นด้วยเล่า?”
น้ำเสียงของนางเย็นชาถึงขั้นไม่แยแส ทั้งยังไร้ซึ่งความอบอุ่นใด ๆ
เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนี้เข้า โทสะก็ปะทุขึ้นมาในใจของเขาทันที “ลั่วชิงยวน ลั่วไห่ผิงก็เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของเจ้า เจ้าอยากให้เขาตายมากขนาดนั้นเลยเชียวรึ?”
“ท่านก็รู้มิใช่หรือว่า หากมิใช่เพราะหม่อมฉันมีบิดาที่เป็นอัครเสนาบดี ยามที่หม่อมฉันแต่งเข้าตำหนักอ๋องในฐานะตัวแทน ท่านก็คงมิไว้ชีวิตหม่อมฉันแล้ว!”
ฟู่เฉินหวนรู้สึกโกรธจัด
เขายังนึกถึงเรื่องที่ตนเองลงไม้ลงมือกับลั่วชิงยวนเมื่อคราวก่อนจึงคิดจะขอโทษ เมื่อเห็นว่าระยะนี้ดูเหมือนว่านางจะน้ำหนักลดไปบ้าง เขาก็เกรงว่าบาดแผลเมื่อก่อนหน้านี้ของนางยังไม่หายดี
แต่ในสายตาของนางแล้ว เขากลับมีเป้าหมายแอบแฝงที่จะหลอกใช้นางเพื่อให้ซ่งเชียนฉู่ช่วยชีวิตลั่วไห่ผิง
ลั่วชิงยวนหันหน้ามามองเขาด้วยแววตาคมกริบ “เช่นนั้นหม่อมฉันก็ต้องขอบคุณที่ท่านอ๋องยอมไว้ชีวิตหม่อมฉันเพราะเห็นแก่ลั่วไห่ผิงแล้วเพคะ”
“แต่ท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ หรือ?”
ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาแล้วเดินจากไป
ฟู่เฉินหวนม่านตาหดวูบพลางมองดูนางให้ชัด ๆ
เขามองนางจากไปด้วยสายตาอับจนหนทาง ถึงขั้นเหลือบมองเงาบนพื้นเสียด้วยซ้ำไป
นางหมายความเยี่ยงไรกัน?
ทว่าดูจากคำเรียกขานและลักษณะการพูดแล้ว ลั่วชิงยวนก็นึกถึงฟู่อวิ๋นโจวเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ฟู่อวิ๋นโจวประสบปัญหากระนั้นหรือ?
คืนนี้ยามจื่อ...
ค่ำคืนดึกสงัดเช่นนั้น
จากนั้นลั่วชิงยวนก็เรียกแม่นมเติ้งมาถามไถ่ “หมู่นี้เกิดเรื่องขึ้นในตำหนักอ๋องหรือไม่? เรือนทักษิณามีความเคลื่อนไหวอันใดหรือไม่?”
แม่นมเติ้งส่ายหน้า “เรือนทักษิณาไม่มีความเคลื่อนไหวเลยเจ้าค่ะ”
“ท่านอยากให้บ่าวไปเรือนทักษิณาเพื่อไต่ถามดูหรือไม่เจ้าคะ?”
ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่สักครู่ “ช่างเถิด”
นางออกจากตำหนักอ๋องผ่านประตูหลังไปเงียบ ๆ จากนั้นก็ไปที่ร้านเพื่อเปลี่ยนชุดบุรุษแล้วเป็นฝ่ายมาถึงโรงเตี๊ยมฮุ่ยเฟิงก่อน
ในเมื่อฟู่อวิ๋นโจวนัดหมายให้นางมาที่นี่ เขาก็น่าจะเตรียมห้องหับเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว นางจึงคิดจะตรวจสอบสถานการณ์ดูสักหน่อย
ผู้ใดจะรู้ว่าทันทีที่นางมาถึงประตู จะมีสตรีร่างท้วมเดินเข้ามาหานางด้วยท่าทีเกรี้ยวกราดแล้วชี้นิ้วใส่นาง "เจ้าโสเภณีชาย! ข้าเที่ยวตามหาเจ้าไปทั่วทุกหนแห่งกลับไม่พบเจ้า แต่เจ้ากลับมาเยือนถึงประตูด้วยตนเองเชียวนะ!"
ยามจื่อ ช่วงเที่ยงคืน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...