เป็นฟู่อวิ๋นโจว!
เขามาจริง ๆ!
เขามาพบนางตามที่นัดหมายเอาไว้จริง ๆ
ยามนี้ลั่วชิงยวนยังคงแต่งกายเป็นฉู่ลั่วจึงมิได้เข้าไปทักทาย แต่กลับนั่งลงเฝ้าสังเกตสถานการณ์เสียก่อน
เมื่อนางหาที่นั่งได้แล้วก็นั่งลงไป จากนั้นเสี่ยวเอ้อร์ก็ยกชาพร้อมอาหารเครื่องเคียงมาให้
มีผู้คนมาถึงเยอะอย่างที่ฟู่จิ่งหลีบอกเอาไว้จริง ๆ ด้วย ผู้ที่มาล้วนเป็นบรรดาคุณชายจากตระกูลขุนนางและผู้ทำมาค้าขายในเมืองหลวง กล่าวได้ว่าพวกเขาต่างมียศถาบรรดาศักดิ์สูงและมีเงินทองมากมายอีกต่างหาก
ลั่วชิงยวนที่นั่งอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น กลับรู้สึกแปลกแยก
แต่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับสมบัติที่ฟู่จิ่งหลีนำออกมาประมูลในคืนนี้ ดังนั้นจึงหามีผู้ใดสนใจนางไม่
ไม่นาน ฟู่จิ่งหลีกับผู้ติดตามก็มาถึง
หีบขนาดใหญ่หลายใบที่แบกเข้ามาพลันดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
“ทำให้ทุกท่านต้องรอคอยเสียนานเลย การประมูลของพวกเราจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”
“ในเมื่อพวกท่านต่างก็คุ้นเคยกับข้าดี ก็น่าจะรู้กฎของข้า การประมูลมิเกี่ยวกับผู้ใดเงินมากกว่ากัน แต่เกี่ยวกับของชิ้นไหนล้ำค่ากว่ากัน”
“แน่นอนว่าเงินก็ได้เหมือนกัน ขอเพียงข้าสนใจ ข้าจักยอมรับการแลกเปลี่ยน โดยไม่คำนึงถึงมูลค่าวัตถุชิ้นนั้น”
จากนั้นการประมูลก็เริ่มต้นขึ้น
นักขายทอดตลาดผู้รับผิดชอบเรื่องการประมูลยกวัตถุชิ้นแรกขึ้นมาแล้ววางลงบนโต๊ะ
มันคือแจกันเดินเส้นสีทองที่ออกแบบอย่างประณีต อัญมณีหลากสีที่ประดับอยู่บนนั้นเผยให้เห็นรสนิยมอันประเมินค่ามิได้
ทันทีที่นำวัตถุออกมา ก็มีเสียงร้องอุทานดังขึ้นโดยรอบ
“พอองค์ชายเจ็ดลงมือ ก็ช่างมิธรรมดาเลยจริง ๆ”
ทุกคนต่างหยิบเอาสมบัติที่พวกเขาพกติดตัวมาด้วยกันทีละคน ๆ ถึงจะมีมูลค่าที่แตกต่างกัน ทว่าวัตถุสิ่งของแต่ละชิ้นกลับมีเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์
ฟู่จิ่งหลีมีของอย่างที่สนใจ ดังนั้นจึงแลกเปลี่ยนกับเจ้าของวัตถุสิ่งของชิ้นนั้น
นี่คือวิธีการประมูลอันเป็นเอกลักษณ์ของฟู่จิ่งหลี
ต่อให้มูลค่าของสิ่งที่เขาแลกเปลี่ยนมาจะไม่ถึงหนึ่งในสิบของแจกันก็ตามที
ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะถอนหายใจออกมา ช่างเป็นท่าทางของคุณชายผู้ร่ำรวยที่ใช้เงินเป็นน้ำจริง ๆ
ลั่วชิงยวนมิได้ประมูลสิ่งใดตลอดการประมูล ทว่ากลับมองดูการประมูลของพวกเขาอยู่เงียบ ๆ และให้ความสนใจกับห้องบนชั้นสอง
บรรยากาศเดิมทีปรองดองกันยิ่ง ทุกคนต่างหารือและวิเคราะห์สมบัติร่วมกัน
ทว่าในยามนี้เอง ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากชั้นสองอันเงียบสงัด
“ข้าต้องการภาพเขียนม้วนนี้”
ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตกใจแล้วเงยหน้ามององค์ชายห้าที่กำลังเดินลงมา
ฟู่อวิ๋นโจวสวมอาภรณ์สีขาวพลางค่อย ๆ เดินลงมาอย่างอ่อนแรง
ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง
องค์ชายห้าเดินเข้ามาโดยไม่คาดคิด
“องค์ชายห้า? ท่านอยากจะซื้อภาพเขียนม้วนนี้หรือ?” ฟู่จิ่งหลีตื่นตกใจยิ่งนัก
องค์ชายห้ามิเคยเข้าร่วมการประมูลเช่นนี้มาก่อน
นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้!
ฟู่อวิ๋นโจวหยิบจี้หยกออกมาจากแขนเสื้อพลางกล่าวว่าจี้หยก “นี่เป็นของขวัญที่เสด็จพ่อของข้าเคยมอบเอาไว้ให้ ข้าพกติดตัวมานานเสียหลายปี ข้าคิดว่าเจ้าเองก็รู้ที่มาของสิ่งนี้ดี”
“ข้าขอแลกเปลี่ยนสิ่งนี้กับเจ้า”
ทันทีที่เอ่ยวาจาออกมา ทุกคนรอบตัวก็รู้สึกตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...