ฟู่เฉินหวนชะงักฝีเท้า
“หม่อมฉันตกลงช่วยชีวิตเขาก็ได้”
“แต่ท่านต้องให้หม่อมฉันรักษาเขาเอง!”
นี่คือเงื่อนไขของนาง
ยามนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างล่วงรู้ว่าอัครเสนาบดีป่วยหนัก แม้แต่หมอหลวงก็อับจนหนทาง ทว่านางสามารถรักษาลั่วไห่ผิงได้ อย่างไรเสีย ลั่วไห่ผิงก็ยังดวงมิถึงฆาต คราวนี้ก็น่าจะยังมิตายหรอก
แต่นางคงมิยอมให้ลั่วไห่ผิงหายเป็นปกติง่าย ๆ ขนาดนั้นหรอก นางจะทำให้เขาต้องทรมานด้วยความเจ็บปวดไปชั่วชีวิต!
อีกอย่างนางก็ไม่ยอมยกผลงานของตนให้ผู้ใดแน่
เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน เขาก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
เพื่อฟู่อวิ๋นโจวแล้ว นางถึงกับตอบรับเงื่อนไขที่จะช่วยชีวิตลั่วไห่ผิง หากนางบอกว่ามิได้รักใคร่ไยดีในตัวฟู่อวิ๋นโจว ผู้ใดจะเชื่อกันเล่า?
รอยยิ้มเยียบเย็นผุดขึ้นบนเครื่องหน้าอันเด่นชัดของฟู่เฉินหวน จากนั้นน้ำเสียงเย็นชาก็ค่อย ๆ ดังขึ้นว่า “หากเจ้ายอมตอบตกลงช่วยชีวิตลั่วไห่ผิงเพื่อช่วยชีวิตฟู่อวิ๋นโจว ดูเหมือนว่าท่านมหาราชครูก็หาได้สลักสำคัญกับเจ้าเท่ากับฟู่อวิ๋นโจวนักหรอก”
“ข้าคิดว่าหามีสิ่งใดสั่นคลอนจิตใจที่จะสังหารลั่วไห่ผิงของเจ้าได้ไม่เสียอีก ดังนั้นข้าจึงรู้สึกชื่นชมว่ามิเสียแรงที่ท่านมหาราชครูรักใคร่เอ็นดูเจ้ามากและปฏิบัติกับเจ้าราวกับเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของตน”
“ทว่ายามนี้กลับหาได้เป็นเช่นนั้นไม่”
น้ำเสียงเหยียดหยันของเขาราวกับมีดที่แทงทะลุหัวใจของลั่วชิงยวน
เจ็บปวดมากเสียจนแต่ละครั้งที่นางหายใจ ก็รู้สึกว่าหน้าอกปวดแปลบขึ้นมา
โทสะพลุ่งขึ้นบนศีรษะ หน้าอกสะท้อนขึ้นลงอย่างแรง จากนั้นนางก็ข่มกลั้นโทสะ “ฟู่เฉินหวน ผู้อื่นต่างหากที่ควรจะเอ่ยเรื่องเช่นนั้น แต่หาใช่ท่านไม่!”
เพลิงโทสะพลันแผดเผาอยู่ในแววตาของฟู่เฉินหวน ทว่าเขาเพียงเหลือบมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาโกรธขึ้ง พลางกำหมัดแน่นแล้วโกรธจนหันหลังไป
“ไปที่จวนอัครเสนาบดีเดี๋ยวนี้! เอาไว้ลั่วไห่ผิงหายดีเมื่อใดแล้วข้าจักปล่อยเขาไป!”
ลั่วชิงยวนมองเงาร่างที่กำลังจากไปของเขาแล้วกำหมัดแน่น
โทสะในใจของนางผสมกับความขมขื่นอันน้อยนิด ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นางก็เดินออกไปจากลานเรือน
นางไปเตรียมข้าวของที่ห้อง เมื่อนางออกมาอีกครั้ง รถม้าก็พร้อมสรรพและฟู่เฉินหวนก็รอนางอยู่บนรถม้าแล้ว
พวกเขามาด้วยกันจริง ๆ!
พวกเขาคิดจะแสดงความรักต่อหน้าผู้อื่น เพื่อสยบข่าวลือกระนั้นหรือ?
“ท่านอ๋อง” หมอหลวงต่างแสดงคำนับ
ลั่วเยวี่ยอิงเองก็เดินเข้ามาแสดงคำนับเช่นเดียวกัน “ท่านอ๋อง ไฉนท่านจึงเสด็จมาที่นี่เพคะ?”
ฟู่เฉินหวนตอบว่า “ข้ามาดูอาการของท่านอัครเสนาบดี”
เมื่อลั่วเยวี่ยอิงได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็เช็ดน้ำตาด้วยท่าทีเศร้าโศก “หมอหลวงเพิ่งตรวจดูเพคะ พวกเขาพยายามทุกวิธีแล้ว แต่ก็มิดีขึ้นเลย ข้ามิทราบว่าต้องเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเพียงใดกัน”
ในช่วงหลายวันมานี้ นางใช้สมุนไพรล้ำค่าทุกชนิดเพื่อรักษาอาการป่วยของบิดา ทว่ากลับหาได้เกิดอันใดไม่ มิหนำซ้ำอาการก็ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลย
“ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเชียวรึ? ข้าจักให้ลั่วชิงยวนลองตรวจดูก็แล้วกัน” ฟู่เฉินหวนกล่าวขึ้น จากนั้นก็เหลือบมองมาที่ลั่วชิงยวนแล้วโบกมือให้นางตามไป
เมื่อลั่วเยวี่ยอิงได้ยินเช่นนี้ก็ตะลึงงันแล้วรีบขวางพวกเขาไว้
ลั่วเยวี่ยอิงมองลั่วชิงยวนด้วยสีหน้าสับสน แล้วมองล่วมยาที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย จากนั้นนางก็มองฟู่เฉินหวนด้วยสีหน้ายากจะเชื่อพลางถามว่า “ท่านอ๋องคิดให้ท่านพี่รักษาท่านพ่อของหม่อมฉันหรือเพคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...