แววตาของลั่วชิงยวนผุดประกายเยียบเย็น ทว่านางกลับเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าสับสน “คุณชายฝู เป็นกระไรหรือเจ้าคะ?”
ฝูจ้าวขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าข้าจดจำรูปพรรณสัณฐานของหัวขโมยผู้นั้นได้! ข้าจักวาดให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”
“ได้เจ้าค่ะ” นางรีบวางถ้วยชาแล้วเดินตามฝูจ้าวไป
เมื่อพวกเขาเดินออกมานอกห้อง ฝูจ้าวก็เหลียวกลับไปมองถ้วยชาที่ยังมิได้ดื่มแล้วให้รู้สึกโล่งอก
ที่แท้ฝูเสวี่ยก็มิได้สงสัยในตัวเขา
ระหว่างทางไปห้องตำรา ฝูจ้าวก็อดมิได้ที่จะลองหยั่งเชิงว่า “แม่นางฝูเสวี่ยเพิ่งบอกว่าเมื่อคืนตั้งใจวางกับดักใช่หรือไม่?”
ลั่วชิงยวนพยักหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “ใช่เจ้าค่ะ”
“ข้ารู้ว่าท่านอาฉินเกลียดชังข้า ดังนั้นข้าจักไปงานเลี้ยงโดยมิได้ระวังตัวได้อย่างไรกัน นับประสากระไรกับเรื่องที่นางคิดจัดการข้าด้วยเล่า”
“ข้าก็เลยสับเปลี่ยนตราประทับกับของจริงกับของปลอม เพราะเจตนาให้เขาขโมยไป แต่เมื่อคืนยาก็แรงเกินไปจริง ๆ ข้าต้านทานมิไหว ดังนั้นจึงได้แต่หลอกใช้คุณชายฝูแล้ว"
“ข้ามิได้บอกความจริงกับคุณชายฝู จนทำให้คุณชายฝูต้องได้รับบาดเจ็บ ข้ารู้สึกเสียใจจริง ๆ เจ้าค่ะ”
ที่จริงเมื่อคืนนางเตรียมยาถอนพิษเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงแม้ว่าจะมิใช่ยาถอนพิษที่ออกฤทธิ์ตรงจุด แต่ก็สามารถบรรเทาฤทธิ์ยาส่วนใหญ่ได้
เมื่อกินยาเข้าไปสองสามเม็ดในรวดเดียวก็ย่อมช่วยถอนพิษได้
เมื่อคืนนางนอนอยู่บนเตียงโดยมิได้หลับตาลงเลย ทำให้เห็นทุกอย่างที่ฝูจ้าวทำได้ชัดเจน
เมื่อฝูจ้าวได้ยินเช่นนี้เข้าก็รู้สึกตกตะลึง
ดูเหมือนว่าฝูเสวี่ยผู้นี้จะหาได้ธรรมดาสามัญอย่างที่ใต้เท้าเหอว่าเอาไว้จริง ๆ! นางถึงกับเล่นลูกไม้กับพวกเขาเสียได้
ทว่าโชคดีที่ฝูเสวี่ยมิได้สงสัยในตัวเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เพราะฝูเสวี่ยเป็นฝ่ายหลอกใช้เขาก่อนแล้วหลงคิดไปเองว่าเขาไร้เดียงสา
“ข้าเข้าใจแล้ว แม่นางฝูเสวี่ยช่างหลักแหลมจริง ๆ!”
“มิน่า ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการกับองค์ชายเจ็ดถึงได้ชื่นชมแม่นางฝูเสวี่ยนัก”
ลั่วชิงยวนยิ้มจาง ๆ “มิอาจเรียกว่าเป็นคำชื่นชมได้หรอกเจ้าค่ะ น่าจะเป็นความแปลกใหม่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม หลังจากความแปลกใหม่ค่อย ๆ หมดไป ก็คงมิต่างอันใดกัน”
ฝูจ้าวหรี่ตามองท่าทีสงบสำรวมของนาง ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
ช่างเป็นสตรีที่มิธรรมดาเลย
พวกเขาทั้งสองคนพูดคุยกันไปตลอดทางจนถึงห้องตำรา ทันทีที่พวกเขาเปิดประตู ลั่วชิงยวนก็ได้ยินเสียงกลไกดังขึ้นในห้องแว่ว ๆ
ดูเหมือนว่าฝูจ้าวจะสังเกตเห็นเช่นกัน แต่กลับมิได้เอ่ยสิ่งใด เขายังคงเดินนำลั่วชิงยวนไปที่โต๊ะทำงานแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “มือสังหารอำพรางใบหน้าเอาไว้ ข้าจึงเห็นเพียงใบหน้าครึ่งซีกบน ข้าสามารถวาดให้เจ้าได้ แต่มิทราบว่าจักช่วยเจ้าได้หรือไม่”
“ใบหน้าครึ่งซีกก็ได้ ขอบคุณเจ้าค่ะ คุณชายฝู” ลั่วชิงยวนตอบด้วยท่าทีสุภาพ
ฝูจ้าวหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเริ่มวาดภาพ
ลั่วชิงยวนรออยู่ข้าง ๆ แล้วสังเกตห้องตำราไปพลาง ๆ
ครั้นพวกเขาเพิ่งจะเข้ามา นางเห็นว่าห้องตำราครอบคลุมเนื้อที่อันกว้างขวางโดยมิได้เชื่อมกับห้องฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่อันสำคัญยิ่งภายในจวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
กำลังสนุกเลยค่ะต่อๆค่ะ...
เนื้อเรื่องไม่มีความฉลาดเลย แต่ละคน บ้าบอมาก...
ตายๆ ไปซะ นางเอกไร้น้ำยา ทำอะไรก้ไม่ได้ดีซักอย่าง...
พระชายยา เหี้ยไร ไร้น้ำยาสิ้นดี เหมือนนางทาส...
นางเอกก็หน้าด้านชิบหาย ผัวเกลี่ยดขนาดนี้ ก็ยังหน้าด้านทน...
🫠...
อ๋องคือโง่มากอะ เหมือนจะฉลาดแต่ก็ไม่พกสติเลย นางเอกก็โดนทรมานเกิน...
กลับมาแล้ว ว้าวววววววววววว...
หายยาววววววววววววว😒😒😒...
อัพต่อหน่อยค่ะแอด พลีสสสสสสสสสสสส...