ยังมีพยานอีกคนกระนั้นหรือ?
วันนี้พยานทุกคนในเรื่องนี้จะตบเท้ามาเยือนถึงประตูเลยหรือไม่?
จากนั้นก็มีสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามาในโถงพิจารณาคดีพลางคุกเข่าลง “ใต้เท้า ข้าน้อยหวังเยว่ชิงจากหอฝูเสวี่ยเจ้าค่ะ”
“เจ้าจะให้การเช่นใดหรือ?” ใต้เท้าเหอถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หวังเยว่ชิงตอบว่า “ใต้เท้า ข้าเคยเห็นคนตายทั้งสองคนนั้นเจ้าค่ะ! ข้าเคยเห็นพวกเขาอยู่กับฝูเสวี่ยตรงประตูหลังของหอฝูเสวี่ย แต่ข้าน้อยมิได้ยินว่าพวกเขากล่าวอันใดกันเจ้าค่ะ”
เมื่อใต้เท้าเหอกับลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ต่างก็รู้สึกตกตะลึง
“เจ้าจดจำใบหน้าสองคนนั้นที่ถูกเผาจนดำเป็นถ่านได้ด้วยหรือ? เจ้าถึงกับปั้นเรื่องโกหกตาใสขึ้นมาหลอกลวงทุกคนราวกับเป็นเด็กสามขวบเชียวหรือ?” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนฉายแววเยียบเย็น
หวังเยว่ชิงผู้นี้มาจากหอฝูเสวี่ยจริง ๆ แต่ลั่วชิงยวนเคยพบหน้าอีกฝ่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และไม่คุ้นเคยกับอีกฝ่ายสักเท่าไหร่นัก เพิ่งจะได้รู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่ายก็วันนี้เอง
ทว่าหวังเยว่ชิงกลับยืนกรานว่า “ข้างนอกมีป้ายประกาศระบุตัวตนของศพติดอยู่ ข้ามองดูก็จำได้แล้ว! พวกเขาคือทั้งสองคนที่ปรากฏตัวอยู่ตรงประตูหลังของหอฝูเสวี่ย!”
ในยามนี้เอง ลั่วอวิ๋นสี่ก็แค่นเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “บัดนี้ความจริงก็เปิดเผยออกมาแล้วมิใช่หรือ? หลักฐานตั้งมากมายถึงเพียงนั้นต่างพิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นฝูเสวี่ยที่คิดจะสังหารลั่วเยวี่ยอิงจนนำไปสู่เหตุเพลิงไหม้ในวันนี้!”
“สองคนนั้นตายไปแล้ว ฝูเสวี่ยก็สมควรชดใช้ด้วยชีวิตของตนเองกระมัง?”
ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาคมกริบ “ในเมื่อไร้ซึ่งหลักฐาน ลำพังคำพูดเพียงมิกี่คำของเจ้าก็เปิดเผยความจริงได้แล้วหรือ? แค่พยานที่ตามหลังกันมาติด ๆ พวกนี้ก็ผิดปกตินัก!”
“ข้ามิตายในสวนเซียงอู๋ก็ทำเอาพวกเจ้าหวาดกลัวเสียจนอดรนทนมิไหวหมายตัดสินโทษข้าให้ถึงตายแล้วหรือ?”
ใต้เท้าเหอขมวดคิ้ว พยานที่ตบเท้ากันมาเยือนถึงประตูทีละคน ๆ ช่างมีพิรุธจริง ๆ
“สิ่งที่เจ้าว่ามาจำเป็นต้องตรวจสอบไปทีละอย่าง! มีเพียงการพิสูจน์ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง พวกเราจึงจะสามารถตัดสินโทษได้!”
“ฝูเสวี่ยกับจ้าวต้าเปียวจะถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกเป็นการชั่วคราว เพื่อรอการตัดสินต่อไป”
เป็นผลทำให้ลั่วชิงยวนกับจ้าวต้าเปียวต้องถูกจำคุก
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ลั่วชิงยวนมาที่นี่
การถูกควบคุมตัวในห้องขังเดียวกับเมื่อก่อนหน้านี้ ช่วงให้ความรู้สึกอันแสนคุ้นเคยนัก
ฟู่จิ่งหลีที่เฝ้าชมเรื่องน่าตื่นเต้นอยู่ข้างนอกเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีไม่พอใจขึ้นมาว่า “เสด็จพี่สาม ท่านมัวแต่ยืนงงอันใดอยู่เล่า? ไปสั่งให้ปล่อยตัวนางออกมาสิ”
ทว่าแววตาของฟู่เฉินหวนกลับเคร่งเครียดแล้วหันหลังหมายที่จะจากไป “มิต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
พระเอกก็โง่ นางเอกก็งี้เง่าไม่สมเหตุสมผลอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็อวยยศเป็นถึงปรมาจารย์ แต่สกิลอ่อนด๋อยมาก เสียเวลาอ่านจริงๆ จะครึ่งเรื่องละยังไม่มีสาระอะไรเลย...
หลงเข้ามาอ่านเสียเวลาตั้งนาน ในเรื่องมีแต่พวกสติไม้เต็ม พระเอกปัญญาอ่อน+ ไบโพล่า กลับกลอกชิบหาย นางเอกก็โง่จนเอียนหวังพึ่งพอ ช่วยพอ.มันทำห่าอะไร ทำดีไม่เคยได้ดี ประสาทแดก...
นังเอกนี่ควายมั้ย โง่บรม...
กำลังสนุกเลยค่ะต่อๆค่ะ...
เนื้อเรื่องไม่มีความฉลาดเลย แต่ละคน บ้าบอมาก...
ตายๆ ไปซะ นางเอกไร้น้ำยา ทำอะไรก้ไม่ได้ดีซักอย่าง...
พระชายยา เหี้ยไร ไร้น้ำยาสิ้นดี เหมือนนางทาส...
นางเอกก็หน้าด้านชิบหาย ผัวเกลี่ยดขนาดนี้ ก็ยังหน้าด้านทน...
🫠...
อ๋องคือโง่มากอะ เหมือนจะฉลาดแต่ก็ไม่พกสติเลย นางเอกก็โดนทรมานเกิน...