“หากมิใช่เพราะข้า นางคงไม่ตาย”
“นางคงจะโทษข้าและไม่ยอมอโหสิกรรมให้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลั่วชิงยวนก็ตระหนักได้ทันที แต่นางกลับขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หากเป็นเพียงเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว เป็นไปมิได้ที่เสียนเฟยจะเกลียดท่านถึงเพียงนี้เพคะ”
“ผู้อื่นที่มีความแค้นต่อท่านไม่มีอีกแล้วงั้นหรือเพคะ?”
หลิวไท่เฟยส่ายหน้า “นอกจากนางแล้วข้าก็นึกมิออก”
“บางทีนางอาจจะยังโทษข้าอยู่” หลิวไท่เฟยพูดทั้งน้ำตา
ลั่วชิงยวนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกผิดและการตำหนิตนเองในใจของหลิวไท่เฟย บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ นางจึงดูแลองค์ชายเจ็ดเป็นอย่างดี
ทว่า นี่เป็นมุมมองความรู้สึกผิดเพียงฝ่ายเดียวของหลิวไท่เฟยเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งนี้ก็เป็นความผิดพลาดโดยมิได้ตั้งใจของนาง เช่นนั้นแล้วจึงมิอาจทำให้เสียนเฟยเกลียดนางถึงเพียงนี้
เมื่อเห็นว่าลั่วชิงยวนมิได้พูดสิ่งใด หลิวไท่เฟยก็เช็ดน้ำตาอีกครั้งก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง “เจ้ามิเชื่อข้าหรือ?”
ลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อยขณะที่กำลังจะพูด
หลิวไท่เฟยกล่าวอย่างรวดเร็ว “ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ว่า มีเพียงเสียนเฟยผู้เดียวเท่านั้นที่ข้าต้องขอโทษ”
“ต้องเป็นนาง! ต้องเป็นนาง!”
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตอนนี้หม่อมฉันมิแน่ใจว่าเป็นเสียนเฟยหรือไม่ แต่หม่อมฉันสามารถลองดูได้เพคะ”
“ท่านมีสิ่งของของเสียนเฟยอยู่ที่นี่หรือไม่ หากใช้ของสิ่งนี้เพื่อดึงดูดนาง เช่นนั้นก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า สตรีผู้นั้นคือเสียนเฟยเพคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลิวไท่เฟยก็พยักหน้า “ได้!”
จากนั้นนางก็เห็นว่าหลิวไท่เฟยหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ปักด้วยดอกยี่หุบออกมาจากใต้แขนเสื้อ ก่อนที่นางจะมอบให้ลั่วชิงยวน “ในตอนนั้นองค์จักรพรรดิพระราชทานผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ให้แก่เสียนเฟย อีกทั้งนางก็เก็บผ้าผืนนี้ไว้กับตัวนางอยู่เสมอ”
“ครั้งนั้นมือของข้าได้รับบาดเจ็บ นางใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้พันแผลให้ข้า แต่ต่อมาข้ากลับลืมคืนให้นาง พอเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในวังนางก็หายตัวไป”
“หลังจากเหตุการณ์ในวัง ทรัพย์สินของเสียนเฟยก็ถูกเผาไป คิดไม่ถึงว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนี้จะกลายเป็นของที่ระลึกเพียงชิ้นเดียวของนางในท้ายที่สุด”
ลั่วชิงยวนหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วพูดว่า “หม่อมฉันจะลองใช้ของชิ้นนี้ดูว่าจะล่อนางได้หรือไม่เพคะ”
“หากนางมิได้มาปรากฏกาย ก็แปลว่านนางผู้นั้นมิใช่เสียนเฟยนะเพคะ”
“รอจนถึงรุ่งสางแล้วให้คนตรวจค้นพระตำหนักอย่างระมัดระวัง ตรวจค้นทุกซอกทุกมุม สิ่งใดที่ผิดปกติก็ควรจัดการอย่างเหมาะสมเพคะ”
หลิวไท่เฟยพยักหน้า “ได้สิ ข้าเข้าใจแล้ว”
“ท่านอ๋อง พระชายา ข้าทำให้ท่านทั้งสองต้องเดือดร้อนแล้ว” หลิวไท่เฟยกล่าวอย่างรู้สึกผิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
กำลังสนุกเลยค่ะต่อๆค่ะ...
เนื้อเรื่องไม่มีความฉลาดเลย แต่ละคน บ้าบอมาก...
ตายๆ ไปซะ นางเอกไร้น้ำยา ทำอะไรก้ไม่ได้ดีซักอย่าง...
พระชายยา เหี้ยไร ไร้น้ำยาสิ้นดี เหมือนนางทาส...
นางเอกก็หน้าด้านชิบหาย ผัวเกลี่ยดขนาดนี้ ก็ยังหน้าด้านทน...
🫠...
อ๋องคือโง่มากอะ เหมือนจะฉลาดแต่ก็ไม่พกสติเลย นางเอกก็โดนทรมานเกิน...
กลับมาแล้ว ว้าวววววววววววว...
หายยาววววววววววววว😒😒😒...
อัพต่อหน่อยค่ะแอด พลีสสสสสสสสสสสส...