งานฉลองในวังหลวงรายล้อมไปด้วยโคมแสงสีสันงดงามแวววาวตระการตา ความคึกคักสนุกสนานของการร้องรำทำเพลงและการเต้นรำ
แต่ลั่วชิงยวนกลับนั่งอยู่ด้านข้างงานฉลองตัวคนเดียว รอเวลาที่งานฉลองจะสิ้นสุดลง
เดิมทีก่อนหน้านี้ไม่มีใครเลยที่จะทันสังเกตเห็นนาง แต่ทันใดนั้นก็มีนางกำนัลนางหนึ่งใส่เสื้อคลุมผ้าไหมสีทองลวดลายสวยงามเดินตรงเข้ามาหานางพร้อมกับขวดเหล้าที่ยื่นส่งให้
“พระชายา นี่คือเหล้าชิงกุ้ยเป็นของรางวัลจากฮองไทเฮาเจ้าค่ะ”
นางกำนัลในอาภรณ์ผ้าไหมสีทองจิ่นชูเอ่ยด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่สุภาพ
ลั่วชิงยวนสะดุ้งตัวเล็กน้อย นี่คือนางกำนัลส่วนพระองค์ฮองไทเฮามีนามว่า จิ่นชู
“ฝากขอบพระทัยฮองไทเฮาสำหรับรางวัลด้วยนะ”
จิ่นชูพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก แต่คนรอบตัวจำนวนไม่น้อยที่สังเกตเห็น
ทางด้านข้างของนางมีผู้คนกระซิบกระซาบกันว่า “แม่นางลั่วชิงยวนผู้นี้ดูจะเป็นที่โปรดปรานของฮองไทเฮายิ่งนัก มิน่า นางถึงมิได้รับโทษอันใดเลยถึงแม้จะเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างการสวมรอยแต่งงาน ที่แท้ก็มีฮองไทเฮาหนุนหลังให้”
แววตาของลั่วชิงยวนฉายแววเย็นชาและมีสีหน้าที่นิ่งสงบในทันที
พวกเขาจินตนาการไม่ออกหรอกว่า ความทุกข์ทรมานของการแต่งงานที่นางต้องได้รับนั้นหนักหนาเพียงใด
เมื่องานฉลองถึงเวลาสิ้นสุดลง ลั่วชิงยวนจึงลุกขึ้นและกำลังจะเดินออกไป
แต่ในขณะที่นางกำลังจะเดินออกไป จิ่นชูก็กลับมาอีกครั้ง “พระชายาช้าก่อนเจ้าค่ะ”
จิ่นชูกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ฮองไทเฮาทรงเห็นว่าพระชายายังมิได้รับประทานอะไรเลย ดูเหมือนว่าอาหารที่ทางวังหลวงจัดให้น่าจะมิถูกปากของพระชายา ดังนั้นฮองไทเฮาจึงจัดเตรียมเครื่องเคียงไว้ให้พระชายาเป็นพิเศษ และอยากเชิญพระชายาไปร่วมรับประทานอาหารที่วังหลวงโช่วสี่ หลังจากนั้นจะจัดคนส่งพระชายากลับตำหนักอ๋องเจ้าค่ะ”
ผู้คนในบริเวณนั้นที่ได้ยินต่างก็อดมิได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ
ป้าจิ่นชูผู้นี้เป็นนางกำนัลคนสนิทของฮองไทเฮาที่จัดการดูแลทุกสิ่งอย่างในวังหลวงโช่วสี่ ปกติแล้วนางจะเป็นคนที่หยิ่งยโสและทะนงตนเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าฝ่าบาท แต่นางก็มิได้ใจดีและเป็นกันเองถึงเพียงนี้
แต่กับลั่วชิงยวนแล้วนั้นมันไม่ปกติเอาเสียเลย
อีกด้าน ร่างที่กำลังจะจากไปของฟู่เฉินหวนและลั่วเยวี่ยอิงกลับถูกขวางเอาไว้เช่นกัน
นางกำนัลผู้นั้นเอ่ยออกมาว่า “ฮองไทเฮาเชิญคุณหนูรองลั่วไปยังวังหลวงโช่วสี่เพคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วเยวี่ยอิงก็เกิดอาการตกใจเล็กน้อย
เหตุใดฮองไทเฮาจึงเชิญนางไปที่วังหลวงโช่วสี่เล่า?
นางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะตามนางกำนัลผู้นั้นไป
ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วเข้าหากันพลางมองร่างของลั่วเยวี่ยอิงที่ค่อย ๆ ไกลออกไป หลังจากนั้นเขาก็เห็นลั่วชิงยวนเดินตามจิ่นชูไปด้วยเช่นกัน ดวงตาของเขาฉายแววลึกซึ้งบางอย่าง
ระหว่างทางไปวังหลวงโช่วสี่ ลั่วเยวี่ยอิงและลั่วชิงยวนแทบจะเดินตัวติดไปด้วยกันอยู่แล้ว พวกนางไม่รู้ว่าฮองไทเฮาเชิญพวกนางไปทำอะไรอย่างกะทันหันเช่นนี้
หรือจะเป็นเพราะความวุ่นวายวันนี้ที่เกิดขึ้นที่ศาลาในสวนหรือเปล่า?
จิ่นชูเดินนำพวกนางมาจนถึงวังหลวงโช่วสี่ ฮองเฮาเหยียนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พลางจิบชาไปด้วย และมีนางกำนัลที่คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกาย ด้านข้างมีโต๊ะเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยอาหารว่างและเครื่องเคียง แต่ถึงกระนั้น บนโต๊ะกลับมีเพียงแค่ตะเกียบหนึ่งคู่และชามหนึ่งใบเท่านั้น
แม่นางทั้งสองก้าวขาไปข้างหน้าและทำความเคารพฮองไทเฮา
ไทเฮาเหยียนยกมือขึ้นและเอ่ยว่า “ลุกขึ้นเถอะ”
เสียงที่เอ่ยออกมาทำให้ลั่วชิงยวนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมามอง ไทเฮาเหยียนมีอายุเพียงแค่สี่สิบปีเท่านั้น ใบหน้าของนางดูอ่อนเยาว์และไร้ริ้วรอยของกาลเวลาเลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่การแต่งตัวที่ดูสวยสง่าสำรวยของนาง คงไม่มีใครกล้าเชื่อว่า นี่คือฮองไทเฮาเป็นแน่แท้
ไทเฮาเหยียนมองดูลั่วชิงยวน ก่อนจะยกคางขึ้นเป็นสัญญาณให้นางนั่งลง “นั่งลง”
ลั่วชิงยวนก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้า ส่วนลั่วเยวี่ยอิง นางคิดว่าฮองไทเฮาให้พวกนางสองคนนั่งลงด้วยกันจึงก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้าตามลั่วชิงยวน
จังหวะที่ลั่วชิงยวนเพิ่งจะนั่งลง แต่สะโพกของลั่วเยวี่ยอิงยังไม่ทันได้แตะกับเก้าอี้ พลันเสียงเย็นของฮองไทเฮาก็เอ่ยขึ้นมาขัดว่า
“ข้าให้พระชายาอ๋องนั่งเท่านั้น มิได้ให้เจ้านั่ง”
ทั่วทั้งร่างกายของลั่วเยวี่ยอิงพลันแข็งทื่อไปชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของนางแสดงความรู้สึกอับอายเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไทเฮาเหยียนยกมือลูบชุดเกราะเบา ๆ พลางชำเลืองมองลั่วเยวี่ยอิงแวบหนึ่ง ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาและเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า
“ลูกนอกสมรสย่อมไม่มีมารยาท”
ทั่วทั้งใบหน้าของลั่วเยวี่ยอิงซีดเผือดลงทันทีด้วยความกระอักกระอ่วนใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
กลับมาอัพแล้ว เย่ๆ🥰...
รออ่านตอนต่อไปค่ะ...
รออ่านอยู่นะคร้าาาาาาา...
ไม่อัพแล้วรึคะ...
รออ่านอยู่ค่ะ...
ต่อค่ะต่อ...