ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 79

ราวกับว่าเป็นความตั้งใจของไทเฮา หลังจากที่รถม้าหยุดอยู่ที่ตำหนักอ๋องแล้ว องครักษ์สารถีก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พระชายา บัดนี้ถึงพระตำหนักแล้ว กระหม่อมจะกลับวังไปรายงานฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากที่ลั่วชิงยวนและลั่วเยวี่ยอิงลงจากรถม้าแล้ว สารถีก็ขับรถกลับไปที่วังหลวงตามเดิม

เหล่าองครักษ์นำตัวลั่วชิงยวนกลับไปที่ตำหนักอ๋อง มิได้พาลั่วเยวี่ยอิงกลับไปที่ตำหนักอัครเสนาบดี แต่กลับพาไปที่ตำหนักอ๋องด้วย เพื่อให้ฟู่เฉินหวนได้เห็นสภาพน่าเวทนาของลั่วเยวี่ยอิง

ครั้นเมื่อคนรับใช้ออกมาเห็นลั่วเยวี่ยอิง แวบแรกมองไม่ออกเลยว่าเป็นผู้ใด หลังจากที่เห็นชัดแล้วต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสีไปตาม ๆ กัน

“คุณหนูรอง! โอ้ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูรองเล่า!”

ลั่วเยวี่ยอิงตั้งใจล้มลงกับพื้นไปอย่างแรง สาวใช้กลุ่มหนึ่งรีบกรูกันเข้าไปช่วยพยุงนางด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นจึงรีบประคองนางเข้าไปตำหนักอ๋อง

“รีบไปตามหมอเทวดากู้มาให้ว่องที่สุดบัดเดี๋ยวนี้!”

ทุกคนต่างตกอยู่ในความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

ลั่วเยวี่ยอิงถลึงตาจ้องมองลั่วชิงยวนด้วยความเคียดแค้น แววตาที่สื่อออกมาราวกับกำลังเอ่ยว่า ‘รอข้าก่อนเถอะ!’

ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะครุ่นคิดกับตัวเองพลางก้าวเข้าไปผ่านประตูใหญ่

โรคอ้วนที่ลั่วชิงยวนก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น และมิไม่สามารถใช้วรยุทธได้อีก สมบัติก็แย่งชิงมามิได้ นางจะมิยอมถูกไล่ออกจากตำหนักอ๋องทั้งแบบนี้เด็ดขาด

ลั่วชิงยวนมุ่งตรงไปยังเรือนเล็กของนาง จังหวะนั้นแม่นมเติ้งและจือเฉาที่กำลังจะเดินมาหา แต่กลับถูกนางปิดประตูใส่ก่อน

นางได้ทำนายดวงชะตาของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง

การรอดพ้นจากหายนะนำมาซึ่งชีวิต

ดาวหกแฉกยังยังมีสัญญาณแห่งชีวิต

ดูเหมือนว่าหมอกสีเลือดที่อยู่เหนือพระตำหนักจะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตนาง

“พระชายา ท่านเป็นอย่างไรไรบ้างเจ้าคะ?” จือเฉาตะโกนเรียกนางจากด้านนอกประตู

ลั่วชิงยวนวางเข็มทิศในมือลง ก่อนจะเอ่ยตอบ “เข้ามาสิ”

จือเฉาผลักประตูเข้ามาพร้อมกับน้ำชาและขนม “บ่าวคิดว่าท่านน่าจะยังมิได้ทานอะไรจากงานเลี้ยงวังหลวงเป็นแน่ บ่าวเลยเตรียมของว่างไว้ให้ ท่านทานสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”

ลั่วชิงยวนส่ายหัว ก่อนจะเอ่ย “วางลงเถอะ ตอนนี้ข้ายังไม่อยากจะกินอะไรเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย