ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 80

ใบหน้าของฟู่เฉินหวนตอนนี้ดูโกรธแค้นราวกับต้องการฆ่าใครสักคน และลั่วชิงยวนก็มิได้เอ่ยวาจาใดอีก

องครักษ์สองสามนายต่างวิ่งกรูกันเข้าในเรือน พวกเขากดไหล่ของลั่วชิงยวนลงและคุมตัวเธอไว้กับพื้น จากนั้นก็มีองครักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับไม้พายในมือ

ในแววตาของลั่วเยวี่ยอิงในตอนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความสะใจที่จะได้แก้แค้น ความปรารถนาแรงกล้าที่ต้องการให้ลั่วชิงยวนเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากกว่านางร้อยเท่าพันเท่า

ลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นมองฟู่เฉินหวนด้วยสายตาที่เย็นชาและความไม่เต็มใจ ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วมุ่น เส้นเลือดบนหน้าผากปูดขึ้นมาด้วยความโกรธ ก่อนจะหันหน้าเบี่ยงสายตาไปทางอื่น ก่อนจะตะโกนขึ้นมาว่า “โบย!”

“ฟู่เฉินหวน! หม่อมฉันไม่น่าเชื่อท่านเลย” ลั่วชิงยวนเอ่ยออกมาด้วยความดุดัน

ฟู่เฉินหวนบัดนี้ขมวดคิ้วแน่นจนแทบจะเป็นปม เขากำมือที่ไขว้ด้านหลังจนแน่นเพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ทั่วทั้งสมองของเขารู้สึกบวมไปหมด ความเจ็บปวดนี้ทำให้อึดอัดใจเป็นอย่างมาก เขามิรู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

ไม้พายขนาดประมาณเท่าฝ่ามือฟาดลงเข้าที่ใบหน้าของลั่วชิงยวนอย่างแรง ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็มองขึ้นไปด้านบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกสีแดงตลบอบอวลไปทั่วทุกสารทิศ กินพื้นที่เป็นวงใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าภายในพระตำหนักจะยังคงเงียบสงบอยู่

อย่างไรก็ตามในตอนนี้นั้น มีร่างหนึ่งที่รีบวิ่งเข้ามาภายในเรือนด้วยความตื่นตระหนกขีดสุด ในขณะเดียวกันซูโหยวก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความวิตกกังวล

“ท่านอ๋อง มีบางอย่างเกิดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ!”

จังหวะที่กระดานดำกำลังจะฟาดลงใส่ลั่วชิงยวนอย่างโหดร้ายจนเกิดลมพัดแรง ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะโยกตัวหลบ จึงทำให้องครักษ์ตีพลาดพร้อมกับเซไปสองก้าว

ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมุ่น นี่มันเป็นการตีที่รุนแรงมากจริง ๆ ฟู่เฉินหวนโหดร้ายเกินไปแล้ว เขาต้องการที่จะทุบตีนางให้ถึงตายเลยรึไง!

เมื่อเห็นว่าลั่วชิงยวนหลบไม้พายแผ่นนั้น ฟู่เฉินหวนก็โกรธขึ้นมาอีก แต่ทันที่เห็นซูโหยววิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก เขาจึงขมวดคิ้วและเอ่ยถามไปว่า “เกิดอะไรขึ้นทำไมต้องลุกลี้ลุกลนเยี่ยงนี้!”

ซูโหยวมีสีหน้าที่เคร่มขรึมขึ้นมา “คนรับใช้เรือนด้านหลังหลายคนเกิดเป็นบ้าขึ้นมามิทราบสาเหตุ ใช้มีดฟันไปทั่วในห้องจนทำคนบาดเจ็บสองคน กระหม่อมส่งคนไปควบคุมตัวพวกเขาแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า เรือนอีกหลังหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้เช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วของฟู่เฉินหวนก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้ามากันมากเพิ่มขึ้นไปอีก “ส่งคนไปเพิ่ม! ควบคุมพวกนั้นให้ได้ทั้งหมด แล้วมารายงานข้าว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!”

ในตอนนี้ฟู่เฉินหวนโกรธจนเลือดขึ้นหน้า และไม่มีท่าทีว่าจะลดลงเลย เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นในพระตำหนักของเขา

ซูโหยวมีสีหน้าที่ลำบากใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างลังเล “องครักษ์ของตำหนักก็มีท่าทีเป็นบ้าไปแล้วเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่เพียงแต่คนรับใช้เท่านั้น แต่รวมถึงองครักษ์ที่ต่างพากันเป็นบ้าไปแล้ว ทำให้ซูโหยวมิกล้าที่จะส่งคนออกไประงับเหตุการณ์แบบมั่ว ๆ มากเกินไป

“ท่านอ๋อง! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้ข้าว่ามันแปลกมากเกินไป!” ซูโหยวไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน และนั่นทำให้หัวของเขาว่างเปล่าคิดอะไรมิออก

ขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่ซูโหยวกำลังรายงาน องครักษ์ที่ฟาดไม้พายพลาดไปก็ปรากฏแสงสีแดงวาบตรงหว่างคิ้วของเขา แววตาดุร้าย เขาถือไม้พายตั้งตรงเหมือนถือมีดเล่มหนึ่ง และผ่าลงไปตรงกลางหัวของลั่วชิงยวน

ทันใดนั้นในใจของลั่วชิงยวนสัมผัสได้ถึงบางอย่าง นางรีบแฉลบตัวหลบออกไปด้วยความไวแสง

ไม้พายนั้นตกลงไปที่พื้นอย่างแรงก่อนจะแตกหักออกเป็นเสี่ยง ๆ

“อ้า!” องครักษ์ผู้นั้นร้องออกมาก่อนจะชักมีดออกมาฟันไปข้างหน้าอย่างไร้ทิศทาง

องครักษ์นายอื่นไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เพียงแต่ถอยหลังออกมาสองสามก้าวก่อนจะพากันชักดาบออกมา ชายที่กำลังบ้าคลั่งก็ฟันมีดไปที่ฟู่เฉินหวน ซูโหยวรีบยื่นมือออกไปหวังช่วยฟู่เฉินหวน

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ซูโหยวและองครักษ์อีกหลายนายกลับมิสามารถที่จะปราบชายคนนั้นให้ล้มลงได้เลย

พวกเขาพยายามที่จะคุมตัวชายคนนั้นไว้ และพยายามที่จะแย่งมีดในมือของเขา แต่ชายที่กำลังเป็นบ้าผู้นั้นกลับตะโกนออกมาและสะบัดคนที่กำลังคุมตัวเขาออกไปอย่างง่ายดายรวมถึงซูโหยวด้วย

คนที่กลายเป็นบ้านั้น สติปัญญาก็สูญหายไป และมีเรี่ยวแรงมหาศาลแบบที่ไม่อาจจะจินตนาการถึงได้

ลั่วเยวี่ยอิงที่ยืนอยู่ในห้องตกใจจนหน้าซีดเผือด “ท่านอ๋อง…”

“ปิดประตูเดี๋ยวนี้!” ฟู่เฉินหวนพูดเสียงเย็น

ในตอนนี้ลั่วเยวี่ยอิงกลายเป็นคนที่เชื่อฟังมาก รีบวิ่งไปปิดประตูในทันทีเพื่อกันทุกคนที่อยู่ข้างนอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย