ครู่ต่อมา องครักษ์ก็พุ่งเข้าหาฟู่เฉินหวน
ฟู่เฉินหวนประมือกับองครักษ์อยู่หลายกระบวนท่า องครักษ์ผู้นั้นมิอาจต่อกรกับเขาได้ ชายผู้นั้นล้มลงไปกับพื้น และกระอักเลือดออกมา ทว่าเขาก็ยังหยัดกายขึ้นได้ในทันที และวิ่งเข้าใส่ฟู่เฉินหวนอีกครั้งราวกับว่าเขามิรู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด
จากนั้นฟู่เฉินหวนก็ดึงดาบซึ่งคราแน่นไปด้วยไอสังหารออกมา
ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงบนพื้น หันหน้าเข้าหาดวงจันทร์ที่ทอประกาย และวาดยันต์ด้วยปลายนิ้วที่มีโลหิตสีเข้มเปียกชุ่มอยู่ เมื่อนางหันกลับมาเห็นว่าฟู่เฉินหวนกำลังชักดาบ นางก็ตะโกนออกไปอย่างรวดเร็ว "อย่าฆ่าเขา!"
นางคว้ายันต์มาไว้ในมือ แล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อองครักษ์ที่กำลังคลุ้มคลั่งรีบวิ่งเข้ามาหาฟู่เฉินหวนทั้งที่ใบหน้าถูกย้อมไปด้วยโลหิต ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็เข้าไปยืนขวางที่ด้านหน้าของฟู่เฉินหวน และใช้ยันต์ในมือกดลงไปบนหน้าผากขององครักษ์ผู้นั้น นางใช้ปลายนิ้วเปื้อนเลือดของตัวเองสกัดจุดองครักษ์ให้ร่างกายของเขาแข็งค้างชั่วคราว ก่อนที่ลั่วชิงยวนก็ใช้โอกาสนี้เตะกวาดขาอีกฝ่ายจนทำให้เขาต้งคุกเข่าลงกับพื้น
ในเสี้ยววินาทีต่อมา นางจึงวาดอักขระเวทย์ลงบนหน้าผากและฝ่ามือขององครักษ์
องครักษ์ผู้นั้นดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดและกรีดร้องออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน เพียงครู่เดียว ทั้งหน้าผากและฝ่ามือของเขาก็มีควันพวยพุ่งออกมา จากนั้นเพียงอึดใจเดียวเขาก็สงบลง
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความงุนงง
ซูโหยวและคนอื่น ๆ อีกหลายคนเข้าไปปกป้องฟู่เฉินหวนเพื่อป้องกันมิให้องครักษ์เข้าโจมตีเขาได้อีกครั้ง
แต่เมื่อองครักษ์ผู้นั้นหยัดกายขึ้นจากพื้นในครั้งนี้ เขาก็กลับมาเป็นปกติ เขาสัมผัสหยาดเลือดที่เปรอะอยู่บนหน้า และดูคล้ายจะสับสนอยู่ไม่น้อย “นี่มัน... เกิดอะไรขึ้น?”
องครักษ์จึงเอ่ยปากขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า "หายแล้วรึ?"
ซูโหยวเองก็ตกอยู่ในความสับสนไม่ต่างกัน เขามองดูลั่วชิงยวนด้วยความไม่เชื่อ
คิ้วของฟู่เฉินหวนยิ่งขมวดมุ่นขึ้นอีก หากเขามิได้เห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตาของตัวเอง เขาคงยากที่จะเชื่อในการกระทำอันแปลกประหลาดที่ลั่วชิงยวนกำลังกระทำอยู่
ลั่วชิงยวนมองดูบาดแผลบนนิ้วของนาง และรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก
นางเดินไปหาฟู่เฉินหวนก่อนกล่าวขึ้นว่า "หม่อมฉันมิได้โกหกท่าน นี่คือผลของการใช้อาคมชุมนุมปีศาจ หากหม่อมฉันมิอาจทำลายอาคมชุมนุมปีศาจได้ทันเวลา มันจะยิ่งปลดปล่อยวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้มามากกว่าสิ่งที่ท่านเผชิญในคืนนี้เสียอีก”
“จะมีผู้บาดเจ็บล้มตายมากยิ่งกว่านี้เป็นแน่”
ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย "เจ้าว่านี่คือผลพวงของอาคมชุมนุมปีศาจ แต่ก่อนหน้านี้เจ้ามิได้ทำลายมันไปแล้วหรอกหรือ?"
"แม้ว่าหม่อมฉันจะเคยทำลายอาคมชุมนุมปีศาจไปแล้ว แต่อาคมชุมนุมปีศาจนั้นมีอยู่ในตำหนักอ๋องอย่างท่านมาระยะหนึ่งแล้ว และได้สะสมวิญญาณชั่วร้ายไว้อย่างแกร่งกล้า ก่อนหน้านี้ข้าได้ผนึกยันต์แปดทิศไว้ที่ก้นบ่อน้ำแล้ว แต่วันนี้มีใครบางคนเปิดมันออก”
นี่คือสิ่งที่ลั่วชิงยวนตระหนักได้เมื่อนางได้เห็นองครักษ์มีอาการคลุ้มคลั่ง มีไอแห่งวิญญาณร้ายปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วขององครักษ์ผู้นั้น
ตอนที่นางอยู่ที่ตำหนัก นางคิดจะไปปลดผนึกอาคมชุมนุมปีศาจอยู่ก็จริง แต่มิคาดคิดเลยว่า มันจะถูกใครบางคนปลดผนึกมันอยู่ก่อนแล้ว นางมิรู้ว่าใครกันที่อยากให้ฟู่เฉินหวนตาย
มีผู้ที่ล่วงรู้ในศาสตร์ฮวงจุ้ยคนใดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่ตำหนักแห่งนี้หรือไม่?
“ถูกปลดผนึกไปแล้ว? เป็นฝีมือของเจ้าหรือไม่?!” ดวงตาของฟู่เฉินหวนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“ท่านอ๋อง จะกล่าวเช่นนี้ต้องมีหลักฐาน วันนี้หม่อมฉันเข้าวังไปกับท่าน กว่าหม่อมฉันจะกลับมาถึงที่นี่จะต้องใช้เวลามากเพียงใด ท่านคิดว่ามีเวลาพอให้ข้าไปที่บ่อน้ำ เปลี่ยนอาภรณ์ แล้วกลับไปงั้นหรือ? แม้ กระทั่งตอนนี้ข้าก็ยังมิได้เปลี่ยนอาภรณ์เลยสักชุด!” ลั่วชิงยวนยิ้มอย่างเย็นชา
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ฟู่เฉินหวนก็มองอาภรณ์ที่นางสวมอยู่ตามสัญชาตญาณ ชุดที่นางใส่ยังคงเป็นอาภรณ์เมฆสีทองจริงๆ
แต่ทว่าดวงตาของเขายังคงเย็นชาดังเดิมไม่เปลี่ยน “ไม่มีใครล่วงรู้ว่า ผนึกถูกปลดตอนที่เจ้ากับข้าเข้าไปในวังหรือไม่ เรื่องนี้มีเจ้ารู้อยู่ผู้เดียวไม่มีใครรู้เห็นด้วย ดังนั้นก็แปลว่าเจ้าจะพูดอะไรก็ย่อมได้”
ลั่วชิงยวนได้แต่คิดว่านี่ช่างไร้สาระและเอ่ยตอบอย่างเย็นชา "จะเชื่อหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องจะลงโทษข้าก็ได้ หรือจะขับข้าออกจากตำหนักก็เชิญ..."
“พ้นจากคืนนี้ไป ตำหนักนี้จะกลายเป็นทะเลเลือด เป็นศูนย์รวมของความชั่วร้าย ความอับโชค!”
ลั่วชิงยวนมีน้ำเสียงเย็นชา นางมองฟู่เฉินหวนด้วยสายตาที่เย้ยหยันอย่างโจ่งแจ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
กลับมาอัพแล้ว เย่ๆ🥰...
รออ่านตอนต่อไปค่ะ...
รออ่านอยู่นะคร้าาาาาาา...
ไม่อัพแล้วรึคะ...
รออ่านอยู่ค่ะ...
ต่อค่ะต่อ...