สาวใช้กระซิบกระซาบกันแล้วกลับห้องของตนไป
เมื่อแม่บ้านเติ้งได้ยินคำพูดเหล่านี้ นางก็อดมิได้ที่จะรู้สึกปลื้มปีติ ในที่สุดคนเหล่านี้ก็มีมุมมองที่ต่างออกไปต่อพระชายาเสียที
แม่บ้านเติ้งและจือเฉาต่างกลับไปยังห้องพักของตัวเองด้วยเช่นกัน
เซียวชูรีบวิ่งออกมาหลังจากรู้ว่า ลั่วชิงยวนปราบพวกที่คลุ้มคลั่งเหล่านั้นได้แล้ว เขาได้แต่ตกใจจนพูดไม่ออก
ลั่วชิงยวนเป็นฝ่ายที่ทำลายความเงียบขึ้นก่อน "เจ้าจับคนพวกนั้นได้กี่คน?"
“นี่พ่ะย่ะค่ะ” เซียวชูให้คนพาคนที่กำลังคลุ้มคลั่งสองสามคนเข้ามาทันที
ลั่วชิงยวนอดทนต่อความเจ็บปวดและวาดอักขระเวทย์ด้วยเลือดของตน ก่อนขับไล่วิญญาณชั่วร้ายออกไปอย่างสมบูรณ์ เซียวชูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นคือ คนที่ไม่ได้สติพวกนั้นตื่นขึ้นมาเป็นปกติได้ในทันที
ตอนที่พวกเขาฟื้นคืนสติกลับมาได้ ลั่วชิงยวนก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง "ข้าเกรงว่า ยังมีคนที่คลุ้มคลั่งอยู่อีกมากในตำหนักอีก เราจำเป็นต้องหาพวกเขาให้พบ แล้วยิ่งปล่อยให้พวกเขาออกไปจากตำหนักนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น หากเรื่องวุ่นวายนี้บานปลายออกไปนอกตำหนักแล้วล่ะก็ มันจะสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้เรา!"
“ให้ทุกคนที่ฟื้นคืนสติแล้วไปเฝ้าประตูหลักและประตูหลังของตำหนักเอาไว้”
เซียวชูตกตะลึง ไม่นึกเลยว่า พระชายาจะมีความคิดความอ่านที่รอบคอบได้เพียงนี้ เขาทำการจัดเตรียมกำลังคนตามที่นางสั่งทันที
หลังจากนั้นลั่วชิงยวนก็นำเซียวชูและคนอื่น ๆ ออกไปค้นหาจนทั่วทั้งตำหนัก หลังจากจากตรากตรำอยู่หลายชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาก็สามารถกำจัดวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นลงได้
ตำหนักกลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
ลั่วชิงยวนมีใบหน้าซีดเผือดและอ่อนแอเป็นอย่างมาก เนื่องจากนางต้องใช้เลือดจากบาดแผลของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังไม่ได้ทำแผลอย่างเหมาะสมอีกด้วย
เดิมทีเซียวชูต้องการให้นางกลับไปพักผ่อน แต่ลั่วชิงยวนชิงพูดขึ้นก่อนว่า "หลังจากนี้ ข้าจะเขียนเทียบโอสถให้ทุกคนดื่มกินกันในคืนนี้ และขอให้ทุกคนวางใจให้ข้าจัดโอสถให้ด้วย!"
“ให้กินโอสถหรือพ่ะย่ะค่ะ โอสถอะไรหรือ?”
"โอสถเอาไว้ไล่ผีไงเล่า!"
เซียวชูไม่ได้ถามคำถามอะไรออกมาอีก เขาตกลงในทันที สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ถือว่าเลวร้ายมากจริง ๆ !
หลังจากที่ลั่วชิงยวนเขียนเทียบโอสถเสร็จแล้ว นางก็ยื่นมันให้เซียวชู เซียวชูจึงจัดหาคนมาปรุงโอสถและตรวจดูมันด้วยตัวเองอีกด้วย
เมื่อได้เห็นแผ่นหลังของเซียวชูหายลับตาไป ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ทอประกายยะเยือกขึ้นแวบหนึ่ง
นางเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าหมอกสีแดงฉานบนท้องฟ้ายามค่ำคืนหายไปแล้ว ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในตำหนักเมื่อคืนนี้ได้คลี่คลายลงแล้ว และจะไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของสถานการณ์คืนนี้นับว่าอยู่เหนือจินตนาการของนาง
ยามบ่ายที่นางออกไป ทุกอย่างยังปกติดี
แต่เมื่อนางกลับมาในยามกลางคืน กลับกลายเป็นว่าที่นี่มีวิญญาณร้ายสิงสู่อยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
ระยะเวลาดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย มันไม่ควรเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้!
นางนึกสงสัยว่า คนที่ปลดปล่อยวิญญาณร้ายให้ออกมาจากอาคมชุมนุมปีศาจอาจจะเข้าไปยุ่มย่ามกับอาหารที่พวกเขากินและวางยาลงไปในนั้น ทำให้พลังงานร้ายกาจเหล่านั้นอยู่ภายในร่างกายของผู้คนได้อย่างกล้าแข็ง จนทำให้พวกเขาคลุ้มคลั่งได้แบบนี้
ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องดื่มยา
นางแค่ไม่รู้ว่านี่เป็นฝีมือของใครก็เท่านั้น
ขณะที่นางกำลังใช้เวลาในการครุ่นคิดหาคำตอบ ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง "พระชายาพ่ะย่ะค่ะ พระชายาพ่ะย่ะค่ะ!"
เด็กรับใช้ตัวน้อยดูท่าทางตื่นตระหนก "พระชายา องค์ชายห้าขอให้ท่านไปดูสถานการณ์ที่เรือนทิศใต้หน่อยพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งที่นั่นยังมีสัญญาณของคนที่มีอาการคลุ้มคลั่งอีกด้วย"
ลั่วชิงยวนสะดุ้ง "รีบนำทางไป"
เรือนทิศใต้เป็นส่วนหนึ่งของตำหนักอ๋อง มันตั้งอยู่ที่ลานด้านข้าง ซึ่งมีฟู่อวิ๋นโจวอาศัยอยู่ที่นั่น
ลั่วชิงยวนติดตามเด็กรับใช้คนนั้นไปที่เรือนทิศใต้อย่างรวดเร็ว
เมื่อนางก้าวเท้าเข้าไปในเรือนนั้น ลั่วชิงยวนก็ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ที่แห่งนี้จะเป็นที่พำนักขององค์ชายได้อย่างไร
สถานที่ที่เรียกว่าตำหนักนี้แทบไม่มีอะไรเลยนอกจากผนังสี่ด้านลงๆ
นอกจากเตียง โต๊ะ และเก้าอี้เพียงไม่กี่ตัวแล้ว ก็ไม่มีข้าวของอย่างอื่นอีก มันช่างดูเรียบง่ายเกินไปเสียจริง
บนเตียงมีชายหน้าซีดรูปร่างผอมกะหร่องดูน่าสมเพชอย่างยิ่งนั่งอยู่บนนั้น
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นองค์ชายพระองค์หนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย