นางพยายามกลั้นสะอื้นและกล่าวว่า “แล้วอย่างไร? ท่านอ๋องวางแผนจะจัดการกับหม่อมฉันเช่นไร?”
ฟู่เฉินหวนสีหน้ามืดครึ้ม “ลั่วชิงยวน อย่ารนหาเรื่อง”
“ข้าบอกตอนไหนว่าจะทำข้อตกลงกับเจ้า?”
ลั่วชิงยวนสงบจิตใจลง แววตานางกลับเป็นเย็นชา นางมองเขาและถามเรียบ ๆ “ทำไมท่านอ๋องต้องแสร้งทำเป็นโง่ด้วย? ท่านรู้ดีอยู่แล้วมิใช่หรือว่าหม่อมฉันต้องการอะไร?”
“นอกจากของของท่านแม่ หม่อมฉันก็ไม่ต้องการอย่างอื่น”
ฟู่เฉินหวนนิ่วหน้า เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะเห็นด้วย “ตกลง”
“แต่ข้าเองก็มีเงื่อนไข”
ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วอย่างเฉยชา
ฟู่เฉินหวนพูดเสียงต่ำ ๆ ว่า “ประการแรก กำจัดค่ายกลชุมนุมปีศาจซะ”
“สอง ห้ามจ้องเล่นงานเยวี่ยอิงอีก”
“ตราบใดที่เจ้าทำตัวดี ข้าก็จะให้ถุงหอมเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลั่วชิงยวนก็กำมือแน่น นี่มันไม่ต่างกับมาทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจกันโดยที่นางไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลยใช่หรือไม่?
“เงื่อนไขนี้ต้องดำเนินไปนานแค่ไหน?” นางถามพร้อมกัดฟันแน่น
“ไม่มีเวลาแน่ชัด และข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะให้ถุงหอมเจ้าตอนไหน” ขณะที่ฟู่เฉินหวนพูดเช่นนี้ สีหน้าเขาก็จริงจัง
“ท่าน!” ลั่วชิงยวนผุดลุกขึ้นทันที
นี่มันจะมากเกินไปแล้ว
ฟู่เฉินหวนหรี่ตาลงเล็กน้อยและมองนาง น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาแฝงแววข่มขู่ “นอกจากข้าแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครจะช่วยเจ้าได้”
“ทั้งฟู่อวิ๋นโจวและไทเฮา หนึ่งในหมากทั้งสองของเจ้านี้มีตัวที่ใช้การมิได้”
เขายกยิ้มเย็นและพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “แม้พวกเขาเต็มใจจะช่วยเจ้า ข้าก็อาจจะไม่ยอมให้เจ้าได้สิ่งที่ต้องการดังใจ”
นี่มันคือการข่มขู่!
การขู่แบบซึ่งหน้า!
ลั่วชิงยวนเก็บกลั้นโทสะที่มีไว้ในใจ
ใช่แล้ว นางมิกล้า
ตอนนี้นางยังไม่มีความสามารถมากพอจะต่อกรกับอ๋องผู้สำเร็จราชการ
อำนาจเกือบทั้งหมดของแคว้นเทียนเชวียนั้นแบ่งกันอยู่ระหว่างตระกูลเหยียนและฟู่เฉินหวน ไม่เป็นการอวดอ้างเกินไปหากจะบอกว่าฟู่เฉินหวนนั้นมีอำนาจล้นฟ้า
ลั่วเยวี่ยอิงนั้นชอบพอฟู่เฉินหวน ดังนั้นนางจึงสามารถมอบถุงหอมให้เขาตอนไหนก็ได้ แต่เมื่อของตกมาอยู่ในมือของเขา ย่อมมิอาจแย่งชิงมาได้โดยง่ายแม้ว่าไทเฮาจะเอื้อมมือมาใช้อำนาจก็ตาม
ที่สำคัญนางไม่อยากจะไปหาทั้งไทเฮาและฟู่อวิ๋นโจว
นางนึกถึงของในถุงหอม บนนั้นมีสัญลักษณ์สริยันจันทราแห่งราชวงศ์แคว้นหลี่ ยามที่แคว้นหลี่และแคว้นเทียนเชวียยังมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน แคว้นหลี่ได้ส่งของล้ำค่ามาให้มากมาย ซึ่งของพวกนั้นก็มีสัญลักษณ์สริยันจันทราแห่งแคว้นหลี่
หากว่าไทเฮาได้ถุงหอมไปและเปิดออกดู พระนางอาจจะจำได้ว่านี่เป็นของราชวงศ์แคว้นหลี่
ถ้าเป็นเช่นนั้นลั่วชิงยวนก็จะเป็นอันตราย
ในฐานะของบุตรสาวอัครมหาเสนาบดี นางมีความเกี่ยวของกับราชวงศ์ของแคว้นศัตรู สิ่งที่รอนางอยู่ก็มีแต่ความตายเท่านั้น
ดังนั้นยิ่งมีคนรู้เรื่องถุงหอมนี้น้อยเท่าไร นางก็ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น
“ตกลง ข้าจะยอมทำตามเงื่อนไขของท่าน แต่ว่าอาคมชุมนุมปีศาจนั้นเป็นหมากตาสุดท้ายของข้า ข้าจะช่วยท่านแก้ค่ายกลนี้เท่านั้นและวันนั้นท่านต้องมอบถุงหอมคืนให้ข้า”
“ก่อนจะถึงตอนนั้น ข้าทำได้เพียงพยายามเต็มที่ที่จะช่วยแก้หายนะที่เกิดจากอาคมชุมนุมปีศาจ”
น่าขันนัก หากว่าเอาอาคมชุมนุมปีศาจมาต่อรองกันตอนนี้ แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นหากว่าเขากลับคำพูดและแสร้งทำเป็นว่าจำไม่ได้?
ฟู่เฉินหวนนิ่วหน้า แต่เขาก็ยอมตกลง
“ย่อมได้”
ในที่สุดก็สามารถตกลงกันเรียบร้อย
ลั่วชิงยวนกำลังจะหันหลังเดินออกไป
แต่เขากลับพูดขึ้นว่า “ข้าขอเพิ่มเงื่อนไขอีกข้อ”
ลั่วชิงยวนตกตะลึงและมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
คนผู้นี้เกินไปมากจริง ๆ
ฟู่เฉินหวนมองนางด้วยแววตาลึกล้ำเย็นชา
“ข้าจะไม่ทนกับความสัมพันธ์คลุมเครือของเจ้ากับฟู่อวิ๋นโจวอีกแล้ว ข้าไม่ต้องการให้คนติฉินนินทาเรื่องนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย