ลั่วเยวี่ยอิงยกมือขึ้นแตะปากที่ยังคงบวมอยู่แม้ว่าจะทายาไปแล้ว นางเจ็บแค้นจนดวงตาวาวโรจน์ไปด้วยโทสะ ลั่วเยวี่ยอิงกัดฟันกรอดด้วยความเดียดฉันท์ “แล้วท่านอ๋องมิได้ลงโทษนางรึ?”
เฉียงเวยพยักหน้า “นางได้ขับไล่ปีศาจ ดังนั้นแทนที่จะลงโทษนาง ดูเหมือนท่านอ๋องจะให้รางวัลนาง ทรงเรียกให้นางเข้าไปพบที่ห้องตำราแล้วอยู่ในนั้นกันนานเลยเจ้าค่ะ”
ดวงตาของลั่วเยวี่ยอิงแดงฉาน เล็บมือจิกแน่นเข้าไปในเนื้อจนเลือดออกเพราะทั้งโทสะและความเกลียดชัง
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน
ท่านอ๋องปล่อยนางสารเลวลั่วชิงยวนไป ทั้ง ๆ ที่นางต้องเจ็บตัวขนาดนี้! ท่านอ๋องไม่เจ็บแค้นเอาคืนแทนนางเลยเหรอ?
เฉียงเวยเห็นว่าสีหน้าของลั่วเยวี่ยอิงไม่ดี จึงรีบเอ่ยปลอบ “คุณหนูรองไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเจ้าค่ะ ในใจท่านอ๋องมีแค่คุณหนูเท่านั้น แต่ตอนนี้นางฉกฉวยโอกาสสร้างความดีความชอบท่านอ๋องก็เลยลงโทษนางมิได้ ตอนนี้เราเองก็คงทำอะไรมิได้เจ้าค่ะ”
“แต่ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็ต้องยังคงจดจำถึงความลำบากที่คุณหนูรองต้องเผชิญได้ เรามาหาทางทำให้ท่านอ๋องรับรู้ดีกว่า บ่าวว่าท่านอ๋องต้องทำโทษนางแน่เจ้าค่ะ” ดวงตาเฉียงเวยฉายแววชั่วร้าย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงก็ชะงักไปเล็กน้อยและมองเฉียงเวยอย่างสื่อความนัย นางพูดนิ่ง ๆ และแฝงความหมาย “ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร อย่าให้พัวพันมาถึงข้า”
“เฉียงเวยต้องช่วยคุณหนูรองระบายแค้นครั้งนี้แน่” เฉียงเวยยิ้มอย่างภูมิใจ
รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปากของลั่วเยวี่ยอิง แม้ว่าจะเห็นไม่ชัดแต่นางก็ดูสงบนิ่งและผ่อนคลายมากกว่าเดิม
เฉียงเวยนั้นเป็นนางรับใช้ของตำหนักอ๋อง หากว่าลงมือทำอะไรลงไปแล้วพลาดโดนจับได้ ก็ไม่ใช่เพราะคำสั่งของนาง ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับนางและไม่อาจทำลายภาพลักษณ์ของนางในสายตาท่านอ๋องได้
…
เช้าตรู่
จือเฉาไปที่เรือนโอสถเพื่อขอยา แต่บังเอิญเจอเข้ากับเฉียงเวยที่มาขอยาให้คุณหนูรองพอดี
“พี่ซู ข้ามาขอโอสถให้พระชายา ขอโอสถบำรุงโลหิตให้ข้าหน่อยเพราะเมื่อคืนนี้พระชายาเสียเลือดมาก…”
จือเฉาพูดซื่อ ๆ กับนางรับใช้ผู้รับผิดชอบยาของเรือนโอสถ
ก่อนที่จะทันพูดจบประโยค นางรับใช้ก็เงยหน้าขึ้นมาและจ้องอย่างรำคาญใจ “ซูโหยวได้ให้เทียบโอสถพระชายาไว้ก่อนแล้ว พระชายาของเจ้ามีโอสถที่กินเป็นประจำอยู่แล้ว หากว่าเจ้าอยากได้โอสถอื่นเพิ่มวันนี้ ข้าก็มิกล้าเอาให้หรอกนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จือเฉาก็อื้งไป นางรีบก้าวเข้าไปอ้อนวอนขอร้อง “ก็แค่โอสถบำรุงโลหิตเล็กน้อย ไม่ต้องเป็นของแพงก็ได้พี่ซู ขอให้ข้าหน่อยเถิด”
นางรับใช้ทำสีหน้าเย้ยหยันและหันไปยุ่งกับธุระของตนเอง “ไม่ต้องแพงก็ได้งั้นรึ? ในตำหนักนี้มีโอสถใดกันที่ไม่แพงเล่า? เจ้าก็พูดไม่คิด”
ทันทีที่นางพูดจบ นางก็หยิบห่อยาที่เตรียมไว้แล้วส่งให้เฉียงเวย นางรับใช้เรือนโอสถเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันทีและบอกว่า “พี่เฉียงเวยนี่คือโอสถของคุณหนูรอง โอสถนี้ดีที่สุด หากว่าคุณหนูรองต้องการอะไรอีก หรือพี่ต้องการอะไรก็มาขอได้ตลอด”
เฉียงเวยรับห่อยามาด้วยท่าทางพอใจและยิ้มอย่างภาคภูมิ “ขอบใจ”
จือเฉารู้สึกไม่พอใจเมื่อได้เห็นเช่นนี้ “พี่ซู คุณหนูรองลั่วมาขอโอสถได้ แล้วทำไมพระชายา…”
นางรู้สึกไม่เชื่อข้ออ้างพวกนั้น
นางรับใช้เรือนโอสถเปลี่ยนสีหน้าทันทีและตวาดเสียงเย็น “เจ้าไม่รู้รึไงว่า พระชายาของเจ้าเข้ามาเป็นพระชายาได้อย่างไร! อย่ามาเที่ยวสร้างปัญหาเลย ออกไปให้พ้น”
จือเฉาเกือบโดนโยนออกไป แต่ตอนนี้ดวงตาของเฉียงเวยก็เปล่งประกายแวบหนึ่ง และนางก็แนะนำอย่างมีเจตนาดีว่า “ดูจือเฉาที่น่าสงสารนี่สิ หากว่านางกลับไปบ่นให้พระชายาฟัง เจ้าก็ต้องระวังจะเดือดร้อนนะ ตอนนี้แม่บ้านเติ้งเองก็เป็นคนของนางไปแล้ว”
“อย่างไรเสีย เจ้าก็อยากได้คนมาช่วยทดสอบโอสถมิใช่รึ? ให้จือเฉาช่วยทดสอบโอสถใหม่ ๆ ที่เข้ามาสิ แล้วก็เอาโอสถบำรุงโลหิตให้นางไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางรับใช้ก็ถาม “แบบนั้นก็ได้นะ จือเฉา เจ้ายอมทดสอบโอสถหรือไม่เล่า?”
จือเฉารู้สึกตระหนกเล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่าตนได้รับความเมตตามากมายจากพระชายา และตนไม่มีอะไรที่สามารถตอบแทนพระชายาได้ ตอนนี้เพียงแค่ยอมทดสอบยาก็จะได้รับยาบำรุงเลือดกลับไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่นางจะไม่ทำ
นางกัดฟัน “ก็ได้ ข้าจะทำ”
“ช้าก่อน เจ้าต้องลงนามตรงนี้” นางรับใช้หยิบกระดาษออกมาวางตรงหน้า “การทดสอบโอสถนั้นเสี่ยงมาก หากว่าไม่ตระเตรียมให้ปลอดภัยไว้ก่อนก็จะอาจมีปัญหาได้ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เจ้าต้องลงนามก่อนข้าถึงจะกล้าทดสอบโอสถกับเจ้า”
จือเฉามองเอกสารที่อัดแน่นไปด้วยตัวอักษร นางอ่านออกเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น จือเฉาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะหยิบพู่กันมาเขียนชื่อลงไปช้า ๆ และประทับรอยนิ้วมือลงไปด้วย
เฉียงเวยยืนมองอยู่ข้าง ๆ รอยยิ้มปริ่มเปรมของนางยิ่งกว้างขึ้นจนปิดไม่อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
กลับมาอัพแล้ว เย่ๆ🥰...
รออ่านตอนต่อไปค่ะ...
รออ่านอยู่นะคร้าาาาาาา...
ไม่อัพแล้วรึคะ...
รออ่านอยู่ค่ะ...
ต่อค่ะต่อ...