หัตถ์เทวะหมอเทวดา นิยาย บท 1402

ท่านผู้เฒ่าเริ่นยืนอยู่ข้างๆ ในขณะที่เฝ้าสังเกตการแสดงออกของผู้นำทั้งเก้าตระกูลอยู่ตลอด

พูดตามตรง ในตอนแรกเขาก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของหลินมั่วและไท่จื่อเช่นกัน

แต่เมื่อเห็นท่าทีของหวังซิ่งอวิ๋นและคนอื่นๆ แล้ว เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่า ตัวตนของหลินมั่วและไท่จื่อนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องเท็จ

อีกทั้งผู้นำทั้งเก้าตระกูลก็ไม่ใช่คนโง่ จะถูกคนอื่นหลอกง่ายๆ ได้อย่างไร

เพราะฉะนั้น ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว คือหลินมั่วเป็นผู้สืบทอดของหนานป้าเทียนจริงๆ ส่วนบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเขาตอนนี้ก็คือไท่จื่อแห่งเมืองไห่จริงๆ!

ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เรื่องในวันนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นหนานป้าเทียนหรือเป็นไท่จื่อ ต่างก็ไม่ใช่บุคคลที่ตระกูลเริ่นจะยั่วยุได้เลย

สิ่งที่ตระกูลเริ่นทำไปทั้งหมด อีกทั้งสิ่งที่ลู่ชิงหยุนพูด ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลเริ่นดับดิ้นไม่สามารถฟื้นกลับขึ้นมาได้เลย

สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเริ่นซีดเซียวสุดขีด เขาเดินตรงเข้ามาหาลู่ชิงหยุน และตบหน้าของเขาดังเผียะสองครั้งทันที พร้อมพูดอย่างโกรธเคือง “ไอ้บัดซบ แกกล้าพูดแบบนั้นกับไท่จื่อได้ยังไง”

“แก...แกคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”

ลู่ชิงหยุนตกตะลึง เขาไม่คิดว่า คุณตาของเขาจะลงมือกับเขา

“คุณตา ตา...ตาเป็นอะไรน่ะ”

“พวกมันเป็นพวกหลอกลวงนะ ทำไมผมต้องคุกเข่าด้วย”

ลู่ชิงหยุนพูดด้วยความร้อนใจ

ท่านผู้เฒ่าเริ่นโมโหจนตัวสั่น จนป่านนี้แล้วแกยังเถียงอีก

ท่านผู้เฒ่าเริ่นคว้าไม้เท้าของตัวเอง แล้วฟาดไปที่ขาของลู่ชิงหยุนทันที พร้อมกับพูดว่า “ถ้าแกไม่คุกเข่า ฉันจะตีขาแกให้หักเดี๋ยวนี้!”

ใบหน้าของลู่ชิงหยุนยังคงไม่ยอมสยบ แต่เขาจำต้องคุกเข่าลง

เขายักไหล่ มองไปที่หลินมั่วและไท่จื่อด้วยสายตาไม่ยอมแพ้

ท่านผู้เฒ่าเริ่นหันหลังกลับไป เขากัดฟัน และทันใดนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "คุณหลิน ท่านไท่จื่อ ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ"

“ไอ้เด็กเวรคนนี้ กล้ามาลบหลู่ท่านทั้งสองแบบนี้ เป็นเพราะผมเองที่อบรมลูกหลานไม่ดี!”

“ผม...ผมต้องขอโทษท่านทั้งสองแทนเขาด้วย หากมีเรื่องใดที่ทำให้ขุ่นเคืองใจ ผมหวังว่าท่านทั้งสองจะใจกว้าง ไม่ถือสาเอาความไอ้ลูกสุนัขตัวนี้นะครับ”

ในเวลานั้น ถ้าไม่ใช่เพราะลู่ชิงหยุนยืนกรานที่จะหาเรื่อง จะเกิดปัญหาใหญ่โตเพียงนี้หรือ

อยู่ดีๆ ตอนนี้เรื่องก็ลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ แล้วมันจะจบอย่างไรล่ะ

ท่านผู้เฒ่าเริ่นคุกเข่าอยู่ที่พื้น และเหงื่อก็ออกมากเช่นกัน

ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น ที่ชั้นล่างเมื่อครู่นี้ แค่เรื่องที่สวี่เจี้ยนกงและฟังฮุ่ยถูกไล่ออกจากงานเลี้ยงวันเกิด ก็ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรแล้ว

ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งเช่นกัน

ถ้าหากรู้แต่แรกว่า สวี่เจี้ยนกงและฟังฮุ่ยมีลูกเขยเช่นนี้ เป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาก็จะต้องเชิญพวกเขาไปนั่งที่โต๊ะอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ จากความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนกับลู่กั๋วซวน อาจกล่าวได้ว่า ในเวลานั้นตระกูลเริ่นมีสภาพแวดล้อมที่เป็นใจมากอยู่แล้ว ที่จะสามารถใกล้ชิดกับหลินมั่วได้มากขึ้น

และด้วยการให้ความเคารพหลินมั่วของผู้นำทั้งเก้าตระกูล ขอเพียงหลินมั่วเอ่ยปาก ตระกูลเริ่นก็จะสามารถเข้าสู่ตระกูลหลักทั้งสิบได้อย่างแน่นอน

เห็นๆ อยู่ว่า โอกาสอันดีงามเช่นนี้ได้ถูกโยนมากองอยู่ตรงหน้าตระกูลเริ่นแล้ว แต่ทว่าพวกเขากลับผลักออกเสียอย่างนั้น

ไม่เพียงแค่นั้น ยังไม่ต้องกล่าวถึงการพัฒนาความสัมพันธ์เลย สิ่งสำคัญตอนนี้ก็คือความสัมพันธ์กลับชะงักงันไป นี่สิที่เรียกว่าเลวร้ายอย่างแท้จริง!