ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 100

งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม ก็ดูเหมือนน่าเบื่อขึ้นมานิดหน่อย นางจึงหยิบถุงเมล็ดทานตะวันออกมาจากมิติพิเศษ นางแกะเปลือกดัง “แก็ก แก็ก” ไปพลาง ก็เฝ้าดูการเคลื่อนไหวในระยะไกลไปพลาง

"ท่านอ๋อง คนที่กำลังติดตามหายไประหว่างการติดตาม"

“หายไป ?” ท่านอ๋องเฉินขมวดคิ้ว ท่าทีของสีหน้ามองไม่ออกว่าอารมณ์เป็นเช่นไร “หาต่อไป !”

"พะยะค่ะ !"

เสียงที่ห่างไกลดังไปถึงหูของนาง

ท่านอ๋อง ? นางแหวกผ่านร่มเงาของแมกไม้บนต้น ก็ได้เห็นเราร่างสีขาวคนหนึ่ง

“ใครกันน่ะ” จู่ ๆ พลังงานมืดก้อนหนึ่งก็พุ่งกระเด็นเข้าใส่ร่างของนาง นางสูญเสียการทรงตัวในทันทีและตกลงมาจากยอดไม้

ด้วยเสียงดัง "โครม" ฝุ่นก็ลอยขึ้นและนางก็ล้มลงกับพื้นอย่างงดงามในสภาพของหมากำลังกินอึ

กระบี่ยาวแวววาวอันครบกริบก็พาดไว้บนคอของนาง

ดวงตาของลู่ยุ๋นหลัวเบิกกว้างในทันใด ไม่ใช่มั๊ย นางก็แค่กินเมล็ดทานตะวันบนต้นไม้เองนะ ขนาดจะลงมือเอาชีวิตน้อย ๆ ของนางเลยงั้นเหรอ ?

ลู่ยุ๋นหลัวหลบออกจากดาบยาวที่เป็นประกายอย่างระมัดระวัง "เอาล่ะ มีอะไรจะพูดก็พูดมาก่อน อย่าเพิ่งลงไม้ลงมือใช้มีดใช้ปืนกันเลย..."

ท่านอ๋องเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงนี้...

สายตาของเขาจับจ้องไปที่ลู่ยุ๋นหลัวซึ่งแต่งตัวเป็นขันทีอยู่บนพื้น รูปร่างที่ผอมและผิวคล้ำ บนใบหน้าเกือบครึ่งถูกแย่งชิงความสง่างามไปนั้นช่างมีความรู้สึกที่คุ้นเคยยิ่งนัก

“ลงมาก่อนเถอะ” ท่านอ๋องเฉินเปร่งเสียงไพเราะราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิที่สามารถทำให้คนสบายใจ

“ได้ !” หลังจากสิ้นเสียงลง กระบี่ยาวเซินหรานก็ถูกเก็บไป

จากนั้นลู่ยุ๋นหลัวก็ลุกขึ้นจากพื้น มองไปที่ชายในชุดขาวที่อยู่ตรงกลางลานนั้น คิ้วที่สวยงาม อ่อนโยนราวกับเทพเซียน และดวงตาที่เปล่งประกายคู่หนึ่งกำลังมองมาที่นางอย่างอ่อนโยนในตอนนี้

นี่ไม่ใช่เสด็จลุงสาม ท่านอ๋องเฉินหรอกเหรอ?

“เจ้ามาจากตำหนักใด” ท่านอ๋องเฉินเหลือบมองนาง แต่ดูเหมือนเขาจะจำนางไม่ได้

"เรียนท่านอ๋อง บ่าวทำงานอยู่ในห้องปรุงพระกระยาอาหาร" ลู่ยุ๋นหลัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดแสดงตัวตนไปอย่างแบส่ง ๆ

“อืม” ท่านอ๋องเฉินพยักหน้าและไม่ถามคำถามอะไรอีก “ข้าบังเอิญขาดขันทีมาคอยรับใช้อยู่พอดี เจ้าตามข้าไปรับใช้ในงานเลี้ยงแล้วกัน”

พูดจบท่านอ๋องเฉินก็หันหลังกลับและเดินจากไปก่อน

อะไรนะ ?

ให้นางตามไปงานเลี้ยง ?

นั่นเท่ากับความเสี่ยงที่จี้อู๋เจวี๋ยจะรับรู้ถึงตัวตนนางขึ้นมาได้ทุกนาทีไม่ใช่เหรอ ?

หากจี้อู๋เจวี๋ยพบว่านางแสร้งทำเป็นขันทีและคอยติดตามท่านอ๋องเฉิน นางจะตายอย่างอนาถรึไม่?

"ยังไม่มาอีกรึ ?" ท่านอ๋องเฉินหยุดเดินและหันไปมองลู่ยุ๋นหลัว

ลู่ยุ๋นหลัวลังเลอยู่พักหนึ่ง ท่านอ๋องเฉินผู้นี้มักจะทำให้นางคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ หากนางติดตามท่านอ๋องเฉิน บางทีนางอาจจะสามารถสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวแต่ก่อนของเจ้าของร่างเดิมกับเขาก็อาจเป็นไปได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่ยุ๋นหลัวก็ติดตามท่านอ๋องเฉินเข้าไปในงานเลี้ยง

งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว นางข้าหลวงซือเยว่ฝาง(ซือเยว่ฝาง หมายถึง แผนกดนตรีของวัง)ได้ก้าวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มการแสดงแล้ว

แขกผู้ชายทั้งหมดนั่งอยู่ทางด้านซ้าย แม้ว่าท่านอ๋องเฉินจะอยู่ที่ด้านบน แต่จากมุมของจี้อู๋เจวี๋ยมีบางอย่างขวางกั้นสายตาไว้ นางก็รู้สึกโล่งอกถอนหายใจในทันที

เมื่อบางคนเห็นท่านอ๋องเฉินผ่านมา พวกเขาทั้งหมดต่างก็พยักหน้าทักทาย

ท่านอ๋องเฉินพยักหน้าอย่างสุภาพกลับไป

นางข้าหลวงและขันทีเดินไปมาระหว่างงานเลี้ยงเพื่อถวายจาน

ลู่ยุ๋นหลัวยืนอยู่ข้างหลังท่านอ๋องเฉิน ที่ด้านหลังก็ได้ยินเสียงขององคมนตรีทั้งสี่ล้อมวงคุยกัน

ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังไปมา จู่ ๆ บทสนทนานั้นก็มีอยู่ท่อนหนึ่งได้ดึงความสนใจของนาง

“เจ้าได้ยินเรื่องนี้ไหม ดูเหมือนว่าพ่อเฒ่าอาวุโสของจวนกั๋วกงติ้งกำลังจะไม่ไหวแล้ว ช่วงไม่กี่วันนี้ได้เชิญหมอเทวดาทั้งหมดทั้งในและนอกเมืองหลวงมากันหมด พวกเขาทั้งหมดล้วนบอกว่าเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว "

"จวนกั๋วกงติ้ง ?" ร่างกายของลู่ยุ๋นหลัวสั่นขั้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนนางจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากที่ไหน ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น