ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 101

“เจ้ากำลังพูดถึงชายราซู ซูนัน คนนั้นนะเหรอ ?”

“ใช่น่ะสิ พ่อเฒ่าอาวุโสซูเป็นทหารมาตลอดชีวิต ช่วยเหลือองค์จักรพรรดิมาสามชั่วอายุคนแล้ว และทำประโยชน์มากมายในสนามรบ คาดไม่ถึงเขาจะล้มป่วยกะทันหันตั้งแต่ครึ่งปีก่อน”

"โลกนี้ช่างคาดเดาอะไรไม่ได้จริง ๆ ข้าจำได้ว่าชายชราคนนั้นเคยแข็งแกร่งมาก"

"จริงเหรอ พอพูดถึงเรื่องนี้ พ่อเฒ่าอาวุโสซูผู้นี้ก็ยังเป็นถึงตาของนายหญิงของตำหนักเย็น หากพ่อเฒ่าอาวุโสซูผู้นี้เป็นอะไรไปอีกคน นายหญิงคนนั้นก็แถบจะราวกับไร้ภูเขาที่หนุนหลังไปทั้งหมดแล้ว"

"มา มา มา ดื่มเหล้ากัน..."

ร่างกายของลู่ยุ๋นหลัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที ตาของนางเป็นถึงกั๋วกงติ้ง?

ความทรงจำมากมายเกี่ยวกับคุณตาของนางก็ท่วมท้นเข้ามาในหัวของนางทันที ขาของนางอ่อนแรงขึ้นมาทันที จนอีกนิดนางก็เกือบจะล้มลง

ท่านอ๋องเฉินคว้าแขนของนางได้ทัน ร่องรอยของความกังวลปรากฏขึ้นในดวงตาที่สงบและอบอุ่นของเขา

ลู่ยุ๋นหลัวจับแขนเสื้อสีขาวสะอาดที่ยื่นออกมาไว้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นางจะสงบจิตใจและตั้งสติขึ้นมาได้ ในหัวตอนนี้ก็มีแต่คำพูดที่ว่า "พ่อเฒ่าอาวุโสแห่งจวนกั๋วกงติ้งกำลังจะไม่ไหวแล้ว !"

ในความทรงจำที่พรั่งพรูออกมาเมื่อครู่ ตาของนางนั้นรักนางเป็นอย่างมาก

แม้แต่ตอนที่นางยังเป็นเด็ก นางก็ได้อาศัยอยู่ในจวนกั๋วกงติ้งเป็นเวลาสองปี

ตั้งแต่เด็กจนโต ใครก็ตามที่กล้ารังแกนาง จะถูกตาของนางจัดการอย่างลับ ๆ

ตาของนางมีลูกแค่สองคน คนหนึ่งคือแม่ของนางซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้ว และอีกคนคือลุงของนาง มีข่าวลือว่าเมื่อ 5 ปีก่อน ขาของเขาเป็นอัมพาตระหว่างสงคราม และเขาก็ไม่สามารถยืนขึ้นเพื่อวิ่งไปยังสนามรบได้ คืนเดียวกันนั้นก็ทิ้งจดหมายไว้ และหายตัวไปไม่พบแม้เพียงเงา

เรียกได้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณตาของนางได้เอาความรักทั้งหมดที่มีมอบให้แก่นาง

ตอนนี้ตาที่รักนางมากมายอันเปี่ยมล้น กำลังจะจากไปงั้นเหรอ ?

จู่ ๆ มือของลู่ยุ๋นหลัวก็สั่นขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่ต้องห่วง ข้าได้ส่งคนไปเอาดอกบัวโลหิตคุณภาพเยี่ยมมาแล้ว วันพรุ่งนี้เช้าก็ถึงแล้ว อย่างน้อยก็ช่วยประทังเวลาไปได้ครึ่งเดือน”

คำพูดของท่านอ๋องเฉินเหมือนกับเสาค้ำหลักกลางทะเล ทำให้อารมณ์ที่ราวกับพลิกฟ้าพลิกภูเขาของลู่ยุ๋นหลัวกลับมาสงบลงได้อย่างง่ายดาย

"ข้าต้องออกไปนอกวังให้เร็วที่สุด" ร่างกายของลู่ยุ๋นหลัวสั่นเทาเล็กน้อย และนางก็ไม่เคยมีอาการกระตือรือร้นที่จะออกจากวังมากเท่าตอนนี้มาก่อน

ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรตาม

"ได้"

ไม่มีคำพูดใดเพิ่มเติมอีก คำสัญญาที่เรียบง่ายของนางก็มีเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น แต่ลู่ยุ๋นหลัวเองกลับเชื่อในคำพูดของชายที่อยู่ต่อหน้านางอย่างอธิบายไม่ได้

จากนั้นลู่ยุ๋นหลัวก็ตระหนักได้ว่าท่านอ๋องเฉินจำนางขึ้นมาได้ตั้งนานแล้ว

ลู่ยุ๋นหลัวก้มศีรษะของนางลง ระงับความคิดที่เผลอปรากฎบนใบหน้าของนาง และยืนอยู่ข้างหลังท่านอ๋องเฉิน โดยไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

นางข้าหลวงซือเยว่ฝางได้แสดงการเต้นบรรเลงขับร้องบนเวทีจนเสร็จสิ้น พระพันปีหลวงที่ประทับอยู่บนพระแท่นสูงก็ทอดพระเนตรไปยังเซี่ยเหวินหลันในฝั่งของงานเลี้ยงผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงและแย้มพระโอษฐ์ตรัสออกไป "อาหลัน ข้าได้ยินจากแม่ของเจ้าว่า เจ้าได้เตรียมเพลงมาบรรเลงอยู่บทหนึ่งเพื่องานเลี้ยงนี้โดยเฉพาะไม่ใช่รึ ?"

เซี่ยเหวินหลันยืนขึ้นและทูลกลับไป "กราบบังคมทูลพระพันปีหลวง เป็นเช่นนั้นเพคะ เพียงแต่..."

เซี่ยเหวินหลันขณะกล่าว นางก็มองไปที่ท่านอ๋องเฉินอย่างเขินอาย

“เพียงแต่อะไรรึ ?” พระพันปีหลวงตรัสถาม

“บทเพลงนี้ต้องใช้คนสองคนบรรเลงด้วยกัน นักดนตรีหญิงที่จะบรรเลงคู่กับข้านั้นวันนี้ทรงล้มป่วยไม่สามารถมาได้ ข้าได้ยินมานานแล้วว่าทักษะการเล่นกู่ฉินของท่านอ๋องสามนั้นยอดเยี่ยม ไม่ทราบเหมือนกัน วันนี้ข้าพอจะได้รับเกียรติเชิญท่านอ๋องสามมาร่วมเล่นบรรเลงกับแม่นางตัวน้อย ๆ อย่างข้าผู้นี้ถวายให้ฝ่าบาท พระพันปีหลวง และรัองคมนตรีทุกท่านได้ฟังได้รึไม่ ?”

เซี่ยเหวินหลันมองอย่างคาดหวังไปที่ท่านอ๋องเฉิน

ในอดีตเพราะลู่ยุ๋นหลัว ท่านเฉินผู้นี้จึงได้ปฏิเสธคำเชิญของนางแล้วนับครั้งไม่ถ้วน พอมาครั้งนี้ ลู่ยุ๋นหลัวได้อภิเษกกับองค์จักรพรรดิไปแล้ว และนางก็ไม่เชื่อ ว่าหากไม่มีลู่ยุ๋นหลัวมาขัดขวางแล้ว ท่านอ๋องเฉินผู้นี้จะยังคงปฏิเสธนางอยู่อีก

ผู้คนด้านล่างต่างก็มองอย่างคาดหวังเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น