ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 103

"ข้าก็ไม่ทราบว่าแม่นางเซี่ยอยากบรรเลงกู่ฉินกับข้าสักเพลงใช่รึไม่ ?" เสียงของท่านอ๋องเฉินเอ่ยออกมาอย่างอบอุ่นและสบายใจ เซี่ยเหวินหลันสีหน้าก็ราวตกใจขึ้นมาทันใกเมื่อได้ยิน จากนั้นนางก็เพิ่งจะมีสติกลับมาและตอบไปด้วยตื่นตกใจ "แน่นอนเพคะ ว่าต้องเป็นเพลงที่ใช้ในการบรรเลงขณะที่แข่งขันในเมืองหลวงยิ่งใหญ่เมื่อคราวก่อน “เหน็บหนาว”  (เหน็บหนาว เป็นเพลงในยุคปัจจุบันที่นิยมของจีนและมีชื่อเสียงเป็นเพลงประกอบละคร) เพลงนี้เพคะ"

เหน็บหนาว?

ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้วขึ้น

มีเพลงชื่อ“เหน็บหนาว”ในยุคราชวงศ์นี้ด้วยเหรอ?

หรือมันเป็นแค่ชื่อเพลงเดียวกัน ?

“ทำนองบทเพลงนี้ ข้านั้นจำไม่ได้แล้ว เป็นไปได้รึไม่ที่จะบรรเลงทำนองบทเพลงอื่น ?” ท่านอ๋องเฉินขมวดคิ้วไม่พอใจเล็กน้อย

จำไม่ได้ ?

เซี่ยเหวินหลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

บทเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ใช้ในขณะการแข่งขันดนตรีครั้งยิ่งใหญ่เมื่อปีก่อน ลู่ยุ๋นหลัวและเขาบรรเลงทำนองด้วยกัน จนคนทั้งในเมืองหลวงต่างก็พูดกันลือออกไปอย่างกว้างขวาง

นางเตรียมตัวมาเป็นเวลาเนิ่นนาน โดยคิดมาตลอดว่าจะมีสักวันว่าภายในงานเลี้ยง นางจะสามารถร่วมบรรเลงทำนองเพลงนี้กับท่านอ๋องเฉิน ไม่ใช่แค่จะมีแต่ลู่ยุ๋นหลัวที่สามารถร่วมบรรเลงกับท่านอ๋องเฉินราวกับฉินเส้อสอดประสาน(ฉินเส้อสอดประสาน หมายถึง การบรรเลงที่สอดประสานเข้ากันอย่างลื่นไหล) นางเซี่ยเหวินหลันก็ทำได้เหมือนกัน !

แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องเฉินไม่ต้องการบรรเลงบทเพลงนี้ บางทีท่านอ๋องเฉินอาจจะต้องการลืมลู่ยุ๋นหลัว ?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ใบหน้าของเซี่ยเหวินหลันก็พลันยิ้มขึ้นมา "ถ้าอย่างนั้นพวกเราเป็นบทเพลงจิ้งฮัวที่ท่านอ๋องแต่งเองแต่ก่อนดีมั๊ยเพคะ ?"

คราวนี้ท่านอ๋องเฉินกลับไม่พูดอะไร

เหล่านางข้าหลวงก็ยกกู่ฉินไม้ขึ้นมา ท่านอ๋องเฉินก็นั่งลงก็ได้เริ่มลองเสียง เพียงปลายนิ้วสัมผัส ทันใดนั้นเสียงอันไพเราะก็ดังก้องออกมาทันที

ในเวลานี้ สายลมพัดอันแผ่วเบาก็พัดดึงแขนเสื้อของท่านอ๋องเฉินขึ้น ผมยาวสยายดุจหมึกที่รวมดึงไปข้างหลังศีรษะกลัดไว้ด้วยปิ่นไม้ ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนดั่งหยกที่สงบนิ่ง แฝงไปด้วยความสง่างามที่ยากจะบรรยายราวกับบรรยากาศของเทพเซียนที่ล่องลอย

ตอนนั้นเองที่ทุกคนถึงจะนึกออก ท่านอ๋องเฉินเป็นชายหนึ่งในห้าอันดับแรกในจัดอันดับหนุ่มรูปงามของอาณาจักรตงหลาน !

ทักษะทางการแพทย์ราวกับแพทย์เทวดาและพรสวรรค์ทางดนตรีที่สุดยอด สายตาที่จะจบจ้องมานั้นก็ล้วนปรากฏความตกใจขึ้นมา !

น่าเสียดาย คนที่มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งเช่นนี้กลับไม่สามารถอยู่ได้ถึงอายุสามสิบปี !

ด้านตรงข้ามของานเลี้ยงเป็นผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงต่างก็ส่ายหัวด้วยความเสียดาย และเริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“พวกเจ้าว่า ทักษะทางการแพทย์ของท่านอ๋องเฉินนั้นยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำไมเขาถึงไม่สามารถรักษาพิษในร่างกายของเขาได้กันล่ะ ?”

“ใช่น่ะสิ ท่านอ๋องเฉินปีนี้ก็เข้าสู่เบญจเพสแล้ว ถ้าจะให้พูด เขาก็มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงห้าปีเท่านั้น”

“ใครว่าไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ องค์ชายเฉินคงไม่ถึงปล่อยให้ตัวเองเข้าสู่เบญจเพสและยังไม่อภิเษกหรอก”

“เห้อ น่าเสียดาย...”

ทุกคนกระซิบกันอย่างเงียบ ๆ จนการบรรเลงบนพระแท่นก็ได้จบลงไปแล้ว

เสียงทำนางกู่ฉินที่ไพเราะเหมือนเมฆคล้อยน้ำไหลรินยังคงก้องกังวาลอยู่ในโสตประสาท

ทุกท่วงทำนองราวกับมีชีวิต เมื่อได้ยินผ่านเขาหู ก็ทำให้เหม่อลอย บางทีก็แผ่วๆ เดี๋ยวก็เพลิดเพลิน เดี๋ยวก็ปลุกความหึกเหิมของทุกคนได้ง่ายกับมีเสน่ห์ยั่วยวนจิตใจ

ลู่ยุ๋นหลัวจ้องมองที่ท่านอ๋องเฉินบนพระแท่น ไม่คาดคิดว่า ศิลปะดนตรีกู่ฉินของท่านอ๋องเฉินผู้นี้จะยอดเยี่ยมได้ถึงเพียงนี้

คราวหน้าถ้ามีโอกาศคงจะได้เรียนรู้ศิลปะวิชาแก่กันและกัน

ด้วยทำนางของกู่ฉินที่บรรเลงดังขึ้น เซี่ยเหวินหลันก็เป่าขลุ่ยขึ้นมาตาม หนึ่งขลุ่ยหนึ่งฉินกลับมีรสชาติเอกลักษณ์ที่ซึ่งแตกต่าง

“นายหญิง!” ฉุ่ยยวู่ชานได้รีบเดินไปที่ด้านข้างของเหยากุ้ยเหริน จากนั้นก็กระซิบด้วยเสียงอันแผ่วเบาไม่กี่ประโยคที่ข้างหูของนาง

ใบหน้าอันสงบของเหยากุ้ยเหรินก็พลันกระตุกขึ้นเล็กน้อยในทันใด "เจ้าเห็นชัดเจนไหม ?"

“นายหญิง บ่าวมองจนชัดเจนแจ่มแจ้งแน่นอนเพคะ !”

เหยากุ้ยเหรินเหลือบสายตามองไปยังร่างด้านหลังที่นั่งของท่านอ๋องเฉินในงานเลี้ยงอย่างใจเย็น กระตุกโค้งที่มุมปาก จากนั้นก็สั่งกับฉุ่ยยวู่ชานไม่กี่ประโยคที่ข้างหู

หลันกุ้ยเหรินซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เยาะเย้ยขึ้นมา "ถ้าต้องพูดอะไรแล้วต้องลับๆ ล่อ ๆ แสดงว่าเจ้ากำลังเก็บงำความคิดอัปมงคลอะไรไว้ล่ะสิ ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น