"ข้าก็ไม่ทราบว่าแม่นางเซี่ยอยากบรรเลงกู่ฉินกับข้าสักเพลงใช่รึไม่ ?" เสียงของท่านอ๋องเฉินเอ่ยออกมาอย่างอบอุ่นและสบายใจ เซี่ยเหวินหลันสีหน้าก็ราวตกใจขึ้นมาทันใกเมื่อได้ยิน จากนั้นนางก็เพิ่งจะมีสติกลับมาและตอบไปด้วยตื่นตกใจ "แน่นอนเพคะ ว่าต้องเป็นเพลงที่ใช้ในการบรรเลงขณะที่แข่งขันในเมืองหลวงยิ่งใหญ่เมื่อคราวก่อน “เหน็บหนาว” (เหน็บหนาว เป็นเพลงในยุคปัจจุบันที่นิยมของจีนและมีชื่อเสียงเป็นเพลงประกอบละคร) เพลงนี้เพคะ"
เหน็บหนาว?
ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้วขึ้น
มีเพลงชื่อ“เหน็บหนาว”ในยุคราชวงศ์นี้ด้วยเหรอ?
หรือมันเป็นแค่ชื่อเพลงเดียวกัน ?
“ทำนองบทเพลงนี้ ข้านั้นจำไม่ได้แล้ว เป็นไปได้รึไม่ที่จะบรรเลงทำนองบทเพลงอื่น ?” ท่านอ๋องเฉินขมวดคิ้วไม่พอใจเล็กน้อย
จำไม่ได้ ?
เซี่ยเหวินหลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
บทเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ใช้ในขณะการแข่งขันดนตรีครั้งยิ่งใหญ่เมื่อปีก่อน ลู่ยุ๋นหลัวและเขาบรรเลงทำนองด้วยกัน จนคนทั้งในเมืองหลวงต่างก็พูดกันลือออกไปอย่างกว้างขวาง
นางเตรียมตัวมาเป็นเวลาเนิ่นนาน โดยคิดมาตลอดว่าจะมีสักวันว่าภายในงานเลี้ยง นางจะสามารถร่วมบรรเลงทำนองเพลงนี้กับท่านอ๋องเฉิน ไม่ใช่แค่จะมีแต่ลู่ยุ๋นหลัวที่สามารถร่วมบรรเลงกับท่านอ๋องเฉินราวกับฉินเส้อสอดประสาน(ฉินเส้อสอดประสาน หมายถึง การบรรเลงที่สอดประสานเข้ากันอย่างลื่นไหล) นางเซี่ยเหวินหลันก็ทำได้เหมือนกัน !
แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องเฉินไม่ต้องการบรรเลงบทเพลงนี้ บางทีท่านอ๋องเฉินอาจจะต้องการลืมลู่ยุ๋นหลัว ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ใบหน้าของเซี่ยเหวินหลันก็พลันยิ้มขึ้นมา "ถ้าอย่างนั้นพวกเราเป็นบทเพลงจิ้งฮัวที่ท่านอ๋องแต่งเองแต่ก่อนดีมั๊ยเพคะ ?"
คราวนี้ท่านอ๋องเฉินกลับไม่พูดอะไร
เหล่านางข้าหลวงก็ยกกู่ฉินไม้ขึ้นมา ท่านอ๋องเฉินก็นั่งลงก็ได้เริ่มลองเสียง เพียงปลายนิ้วสัมผัส ทันใดนั้นเสียงอันไพเราะก็ดังก้องออกมาทันที
ในเวลานี้ สายลมพัดอันแผ่วเบาก็พัดดึงแขนเสื้อของท่านอ๋องเฉินขึ้น ผมยาวสยายดุจหมึกที่รวมดึงไปข้างหลังศีรษะกลัดไว้ด้วยปิ่นไม้ ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนดั่งหยกที่สงบนิ่ง แฝงไปด้วยความสง่างามที่ยากจะบรรยายราวกับบรรยากาศของเทพเซียนที่ล่องลอย
ตอนนั้นเองที่ทุกคนถึงจะนึกออก ท่านอ๋องเฉินเป็นชายหนึ่งในห้าอันดับแรกในจัดอันดับหนุ่มรูปงามของอาณาจักรตงหลาน !
ทักษะทางการแพทย์ราวกับแพทย์เทวดาและพรสวรรค์ทางดนตรีที่สุดยอด สายตาที่จะจบจ้องมานั้นก็ล้วนปรากฏความตกใจขึ้นมา !
น่าเสียดาย คนที่มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งเช่นนี้กลับไม่สามารถอยู่ได้ถึงอายุสามสิบปี !
ด้านตรงข้ามของานเลี้ยงเป็นผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงต่างก็ส่ายหัวด้วยความเสียดาย และเริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“พวกเจ้าว่า ทักษะทางการแพทย์ของท่านอ๋องเฉินนั้นยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำไมเขาถึงไม่สามารถรักษาพิษในร่างกายของเขาได้กันล่ะ ?”
“ใช่น่ะสิ ท่านอ๋องเฉินปีนี้ก็เข้าสู่เบญจเพสแล้ว ถ้าจะให้พูด เขาก็มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงห้าปีเท่านั้น”
“ใครว่าไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ องค์ชายเฉินคงไม่ถึงปล่อยให้ตัวเองเข้าสู่เบญจเพสและยังไม่อภิเษกหรอก”
“เห้อ น่าเสียดาย...”
ทุกคนกระซิบกันอย่างเงียบ ๆ จนการบรรเลงบนพระแท่นก็ได้จบลงไปแล้ว
เสียงทำนางกู่ฉินที่ไพเราะเหมือนเมฆคล้อยน้ำไหลรินยังคงก้องกังวาลอยู่ในโสตประสาท
ทุกท่วงทำนองราวกับมีชีวิต เมื่อได้ยินผ่านเขาหู ก็ทำให้เหม่อลอย บางทีก็แผ่วๆ เดี๋ยวก็เพลิดเพลิน เดี๋ยวก็ปลุกความหึกเหิมของทุกคนได้ง่ายกับมีเสน่ห์ยั่วยวนจิตใจ
ลู่ยุ๋นหลัวจ้องมองที่ท่านอ๋องเฉินบนพระแท่น ไม่คาดคิดว่า ศิลปะดนตรีกู่ฉินของท่านอ๋องเฉินผู้นี้จะยอดเยี่ยมได้ถึงเพียงนี้
คราวหน้าถ้ามีโอกาศคงจะได้เรียนรู้ศิลปะวิชาแก่กันและกัน
ด้วยทำนางของกู่ฉินที่บรรเลงดังขึ้น เซี่ยเหวินหลันก็เป่าขลุ่ยขึ้นมาตาม หนึ่งขลุ่ยหนึ่งฉินกลับมีรสชาติเอกลักษณ์ที่ซึ่งแตกต่าง
“นายหญิง!” ฉุ่ยยวู่ชานได้รีบเดินไปที่ด้านข้างของเหยากุ้ยเหริน จากนั้นก็กระซิบด้วยเสียงอันแผ่วเบาไม่กี่ประโยคที่ข้างหูของนาง
ใบหน้าอันสงบของเหยากุ้ยเหรินก็พลันกระตุกขึ้นเล็กน้อยในทันใด "เจ้าเห็นชัดเจนไหม ?"
“นายหญิง บ่าวมองจนชัดเจนแจ่มแจ้งแน่นอนเพคะ !”
เหยากุ้ยเหรินเหลือบสายตามองไปยังร่างด้านหลังที่นั่งของท่านอ๋องเฉินในงานเลี้ยงอย่างใจเย็น กระตุกโค้งที่มุมปาก จากนั้นก็สั่งกับฉุ่ยยวู่ชานไม่กี่ประโยคที่ข้างหู
หลันกุ้ยเหรินซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เยาะเย้ยขึ้นมา "ถ้าต้องพูดอะไรแล้วต้องลับๆ ล่อ ๆ แสดงว่าเจ้ากำลังเก็บงำความคิดอัปมงคลอะไรไว้ล่ะสิ ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...