ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 104

เหยากุ้ยเหรินสีหน้าชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็สู่สภาวะปกติพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มบาง "เสด็จน้อง เจ้ากังวลมากเกินไป เพียง แต่อีกสักพักจะต้องมีบางอย่างผิดปกติกับการแสดงบรรเลงนี้"

หลันกุ้ยเหรินเมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเหยากุ้ยเหรินอยู่ตลอดเวลาก็รู้สึกอึดอัดไปทั่วร่าง นี่มันจะเสแสร้งมากเกินไปมั๊ย !

จึงเลือกหันหน้าหนีเพื่อไม่อยากมองนาง

และก็ไม่รู้ว่าสรุปฝนจะตกหรือไม่ตก ดีที่สุดเลยก็คือรีบทำให้ผู้หญิงข้าง ๆ นางเปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำจนตรอกได้ยิ่งดี

"มีคนให้ข้าเอาของนี้มาให้แก่เจ้า" นางข้าหลวงแปลกหน้าคนหนึ่งมาที่ด้านหลังลู่ยุ๋นหลัวและยื่นกระดาษให้นางหนึ่งแผ่น

ลู่ยุ๋นหลัวงุนงงเล็กน้อย

เอาให้นาง ?

นางตอนนี้ที่แต่งตัวเป็นขันที ใครจำจะนางขึ้นมาได้ ? เป็นไปได้ไหมว่า นางถูกมองออกแล้ว ?

นายเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงฝั่งตรงข้ามของงานเลี้ยง นางกวาดสายตาไปรอบก็ไม่เห็นใครที่ดูน่าสงสัย

พอนางเปิดกระดาษออก ด้านบนก็เขียนไว้ว่า "เจอกันเรือนในสวนทางทิศตะวันออก"

ลงนามไว้ว่าลู่หว่านหลัว

ลู่ยุ๋นหลัวเลิกคิ้วขึ้นมา ลู่หว่านหลัวคนนี้ไม่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าของร่างเดิมหรอกเหรอ ?

ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ลูกไม้ของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ช่างน่าทึ่งนัก

นางเป็นบุตรสาวที่เกิดจากสนม พ่อของนางก็เป็นเพียงข้าราชการชั้นที่ 5 เท่านั้น เพื่อที่จะได้แต่งงานกับเรือนของคหบดี นางจึงไม่สนใจวิธีการอะไรทั้งนั้นและแอบขึ้นบนเตียงคุณชายใหญ่ในเรือนของคหบดี และถูกจับได้คาหนังคาเขา

น่าเสียดาย เรื่องอื้อฉาวก็เกิดขึ้นแพร่กระจายออกไป สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการเป็นอนุภรรยา

นางเลิกคิ้ว เป็นแค่อนุภรรยายังสามารถเข้ามาในพระมหาราชวังเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ด้วยเหรอ ?

ดูเหมือน มีใครบางคนคิดวางแผนร้ายกับนางแล้ว 

มุมปากก็โค้งขึ้นสวยงามขึ้นมาทันใด ขณะที่นำกระดาษใส่เข้าไปที่บริเวณอก ก็อาศัยจังหวะใช้มือโยนเข้าไปในมิติพิเศษ

เมื่อมาถึงจุดสถานที่ที่กล่าวถึงในกระดาษ ก็พอจะเห็นร่างหนึ่งอยู่ไกล ๆ

เป็นผู้ชายคนหนึ่ง

เขาสวมชุดผ้าไหมเรียบสีน้ำเงินเข้มที่ดูหรูหรา เมื่อมองจากมุมนี้ ก็จะเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาพอดี ริมฝีปากแดงฟันขาว บุคคลที่มีความสามารถ ก็พอจะถือได้ว่าเป็นชายที่รูปงามคนหนึ่ง เพียงแต่ แต่เมื่อเทียบกับจี้อู๋เจวี๋ยและท่านอ๋องเฉินแล้วก็ยังถือว่าห่างชั้นกว่าอยู่มาก

ที่แท้ก็คือสามีของลู่หว่านหลัว คุณชายใหญ่ของเรือนคหบดีนามว่าชูหรงเฉิง

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ชูหรงเฉิงคนนี้เคยสนใจในตัวของเจ้าของร่างเดิมของลู่ยุ๋นหลัวอยู่มาก่อน โดยมักที่ไปที่จวนอัครมหาเสนาบดีเป็นระยะ ๆ โชคดีที่เจ้าของร่างเดิมเป็นคนเย็นชา ซึ่งไม่เคยสนใจเขาเท่าไหร่นัก และก็ไม่ทราบว่าคุณชายใหญ่ชูพูดอะไรกับพ่อของเจ้าของร่างเดิม แต่กระนั้น อัครมหาเสนาบดีก็เหมือนจะถูกเขาพูดจนรู้สึกประทับใจในตัวเขา จนเตรียมพร้อมที่ให้เจ้าของร่างเดิมมั่นหมายกับชูหรงเฉิง

แต่ก่อนที่แม่สื่อจะประกาศการแต่งงานอย่างเป็นทางการ ก็เกิดเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ขึ้นในงานเลี้ยงบ้านตัวเองของชูหรงเฉิง จนพ่อของเจ้าของร่างเดิมก็โกรธจัดและเดินสะบัดแขนเสื้อจากไปโดยไม่พูดถึงการแต่งงานอีกเลย

ตั้งแต่นั้นมา เจ้าของร่างเดิมก็ไม่เคยเห็นชูหรงเฉิงอีกเลย

เนื่องจากคนที่อยู่เบื้องหลังต้องการให้นางและชูหรงเฉิงมานัดหมายเจอกัน พวกเขาจึงต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับอดีตที่พัวพันของชูหรงเฉิงกับนาง พอถึงเวลา บางทีอาจมีคนมาพบเห็นเรื่องของนางและชูหรงเฉิงคนนี้จนจับได้คาหนังคาเขา เมื่อถึงเวลานั้น นายหญิงแห่งตำหนักเย็นที่แต่งตัวเป็นขันทีออกมานัดหมายพบเจอกับชายเพศตรงข้ามในที่ที่ไม่มีคน เกรงว่านางต่อให้แหกปากพูดอีกกี่สิบปากก็คงจะพูดให้ตัวเองชัดเจนไม่ได้

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ลู่ยุ๋นหลัวก็หยิบกองขวดต่าง ๆ ออกมาจากมิติพิเศษ แล้วเริ่มแต่งหน้าให้ตัวเอง หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ก็เก็บกระจกทองสัมฤทธิ์ด้วยความพึงพอใจและกลับไปยังสถานที่เมื่อสักครู่

"คุณชายชู!" ลู่ยุ๋นหลัวส่งเสียงออกไปด้วยน้ำเสียงอันโศกเศร้า เพียงแค่ฟังก็ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะสะเทือนใจ

มันคือเสียงของยุ๋นหลัว !

ชูหรงเฉิงหันกลับไปมองคนที่กำลังมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ เมื่อดวงตาของเห็นร่างของชูหรงเฉิง เขาก็ผงะไปชั่วขณะ ทำไมเขาถึงเป็นขันทีไปได้ ?

แต่เมื่อดวงตาของเขาเห็นใบหน้าของลู่ยุ๋นหลัวที่เขาดูเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน สีหน้าประหลาดใจเมื่อสักครู่ก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที

นี่คือลู่ยุ๋นหลัวเหรอ ?

เขามองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อในสายตา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น