ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 105

กลับเห็นแค่คน ๆ หนึ่งที่แต่งตัวเป็นขันที ผิวพรรณบนใบหน้าเป็นสีเหลืองเข้มและหยาบกร้าน แก้มซ้ายมีแผลเป็นน่าเกลียดน่าชัง หน้าผากและหางตาก็เต็มไปด้วยริ้วรอย

รูปร่างอัปลักษณ์เช่นนี้ไม่มีแม้ความงามเพียงครึ่งหนึ่งของบุตรสาวอดีตจวนอัครมหาเสนาบดีเหลืออยู่เลย ?

เขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าแม่นางที่สง่างามไร้ที่เปรียบเช่นนั้นจะกลายเป็นมีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดเช่นนี้ไปได้ !

“คุณชายชูจำข้าไม่ได้แล้วเหรอ” ลู่ยุ๋นหลัวอ้าปากสีแดงขนาดใหญ่ของนาง บิดเอวของนางแล้วถามอย่างเขินอาย

“อุ๊ย…” ชูหรงเฉิงตัวสั่นขึ้นมาจนแทบจะอ้วกออกมา

"คุณชายชู เจ้าเป็นอะไรไป" ลู่ยุ๋นหลัวสีหน้าดูกังวลขึ้จะต้องการที่จะรีบขึ้นไปพยุงเขา ฉู่หรงเฉิงที่ตกใจอยู่แล้วก็รีบถอยหลังหนี "เจ้าอย่าเข้ามา !"

เขาเคยทั้งคิดทั้งหลงรักชื่นชมแม่นางที่สง่างามไร้ที่เปรียบของจวนอัครมหาเสนาบดีมาเสมอ ซึ่งไม่ใช่อีแก่หงำเหงือกและน่าเกลียดต่อหน้าเขา !

หลังจากถอยหลังห่างออกไปอย่างช้า ๆ เพื่อรักษาระยะห่างจากลู่ยุ๋นหลัวแล้ว ชูหรงเฉิงก็วิ่งออกไปทันที โดยกลัวว่าลู่ยุ๋นหลัวจะตามทันและดึงเขาไว้ หน้าตาอัปลักษณ์แบบนั้น เขาไม่อยากที่จะเห็นมันเป็นครั้งที่สองแล้ว

"คุณชายชู..." ลู่ยุ๋นหลัวตะโกนอีกครั้งไปยังแผ่นหลังที่วิ่งอย่างจนตรอกจากไปด้วยความไม่เต็มใจ

เสียง “โครม” ดังขึ้น ชูหรงเฉิงตกใจจนล้มลง จากนั้นก็ลุงขึ้นมาอย่างจนตรอกและออกวิ่งไปด้วยความเร็วสูงออกจากที่แห่งนี้

ประสบความสำเร็จในการให้ชูหรงเฉิงจนวิ่งหนีไปจนได้ ลู่ยุ๋นหลัวปรบมืออย่างอารมณ์ดี ดวงตาของนางจับจ้องที่ไปไกล ๆ มุมหนึ่ง ตรงระหว่างเงาของดอกไม้และแมกไม้ นางมองเห็นชายเสื้อสีชมพูที่กำลังแอบซ่อนอยู่และพูดอย่างเย็นชา "ออกมาเถอะ"

เป็นสาวใช้แปลกหน้าคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมในเงามืด

ดูจากการแต่งกายแล้ว นางน่าจะมาจากนอกวัง

สาวรับใช้คนนั้นไม่คิดว่าจะถูกพบ นางจึงได้แต่เดินออกมาอย่างวิตกกังวล

ลู่ยุ๋นหลัวมองพิจราณษาอยู่ครู่ก็เอ่ยถาม "เจ้าเป็นสาวใช้ของจวนไหน ?"

“ตอบกลับขันที บ่าวเป็นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายของแม่นางสองของจวนกั๋วกงเหวิน” สาวใช้ดูกลัวเล็กน้อยและเสียงของนางก็สั่นเคลือขณะพูด

สาวใช้ข้างกายของเซี่ยเหวินหลัน ?

นางจำได้ ผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงทุกคนที่เข้ามาในวังทั้งหมด สามารถนำสาวใช้เข้ามาด้วยได้มากสุดแค่หนึ่งคนเท่านั้น

เมื่อสักครู่ที่นางขณะอยู่ที่งานเลี้ยง ตอนนั้นสาวใช้ข้างกายของเซี่ยเหวินหลันไม่ใช่คนที่อยู่ตรงหน้านางอย่างแน่นอน

“ขันที บ่าวไม่สามารถออกจากงานเลี้ยงได้นานเกินไปนัก ดังนั้นข้าขอตัวก่อน” หลังจากพูดจบแล้วสาวใช้คนนั้นก็โค้งตัวเดินจากไป

ขณะที่เดินเบียดผ่านไหล่ของลู่ยุ๋นหลัวไปนั้น จู่ ๆ ลู่ยุ๋นหลัวก็ตบไปที่ไหล่ของสาวใช้จนทำให้สาวใช้คนนั้นถึงกับตกใจสะดุ้ง

ลู่ยุ๋นหลัวดึงมือของนางออก และเผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดอันน่าตกใจออกมา "เมื่อกี้มีแมลงเกาะอยู่บนไหล่ของเจ้า แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว"

สาวใช้เดิมทีก็ตกใจมากพอแล้ว พอหันหน้าไป ก็พบเข้ากับใบหน้าที่ลู่ยุ๋นหลัวแต่งจนน่าเกลียด นางกลัวมากจนใกล้จะร้องไห้ออกมา หลังจากได้ยินคำอธิบายของลู่ยุ๋นหลัว นางก็พยักหน้าอย่างเร่งรีบและเดินจากไปทันที

ลู่ยุ๋นหลัวก็ไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปเช่นกัน จากนั้นนางพบสถานที่ที่ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว และก็เริ่มจัดการใบหน้าของนางให้เป็นขันทีแต่ก่อนที่นางเคยแต่ง

หลังจากเสร็จสิ้น นางก็มาถึงทางเข้าเรือนในสวน จนนางมองเห็นงานเลี้ยงภายในที่เปิดโล่ง นางก็หยุดชะงักไปทันที

เมื่อนึกถึงพยากรณ์อากาศที่เห็นในมิติพิเศษเมื่อวาน

นางในตอนนั้นคิดว่างานเลี้ยงจัดขึ้นในโถงใหญ่ดังนั้นนางจึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ

เมื่อสักครู่ที่อยู่ในงานเลี้ยงก็ไม่ได้ระวังเรื่องนี้เช่นกัน

ตอนนี้เมื่อดูจากเวลาแล้ว เกรงว่าคนอีกไม่นานนักฝนก็จะตกลงมา ?

ถ้าพายุฝนเกิดตกขึ้นมาในลานตรงนั้น เพียงแค่คิดก็น่าจะตระการตาอยู่ไม่น้อย

นางหยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึกออกมาจากมิติพิเศษและเขียนลงบนกระดาษที่บันไดขั้นหนึ่ง แล้วมอบให้ขันทีคนหนึ่งเพื่อส่งต่อให้เฉาจงเฉวียนซึ่งอยู่บนพระแท่น

จะทันหรือไม่ทันเวลาก็ขึ้นกับลิขิตฟ้าแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น