จากนั้น จี้อู๋เจวี๋ยก็ทรงโค้งมุมฝีพระโอษฐ์ให้กับนาง เผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์จนแถบจะคร่าชีวิตผู้คนไปได้ด้วยรอยยิ้มนี้
ในเวลาปกติ ลู่ยุ๋นหลัวจะต้องยอมศิโรราบให้กับความงดงามหล่อเหลาเช่นนี้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้คืออยู่ในห้องโถงใหญ่น่ะสิ !
ผู้คนกำลังจับจ้องมองดูอยู่ !
จี้อู๋เจวี๋ยทรงยั่วยวนนางแบบนี้คิดจะทำอะไร ?
"สนมคนโปรด วันนี้เจ้าช่างงามยิ่งนัก !" พระพักตร์ที่หล่อเหลาของจี้อู๋เจวี๋ยอันอ่อนโยนในขณะนี้ นางมักไม่ค่อยได้พบเจอบ่อยนัก
ท่าทีอันอ่อนโยนที่มักไม่ค่อยพบได้บ่อยนักกับบรรยากาศอันเย็นชาเย่อหยิ่งและสูงศักดิ์ไม่สอดคล้องกันอย่างสิ้นเชิง แต่ความไม่สอดคล้องกันนี้ กลับทำให้ตื่นตาและหลงเสน่ห์มากเป็นพิเศษ
แต่ลู่ยุ๋นหลัวตอนนี้ไม่ได้สนใจที่จะชื่นชมความงามที่หายากนี้เลยแม้แต่น้อย นางรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้น่ากลัวไม่ต่างกับเรื่องเล่าผีสาง
ชมเชยความงามของนาง ?
เหอะ เหอะ ! ตอนอยู่ที่ตำหนักซู่ซินยังบอกว่านางอัปลักษณ์อยู่เลย !
ผิดปกติมากขนาดนี้ จะต้องก่อเรื่องอะไรสักอย่างแน่ !
นางมองไปที่จี้อู๋เจวี๋ยด้วยสายตาอันน่าสงสาร แววตาของนางดูเหมือนกำลังจะบอกว่า ได้โปรถข้าขอท่านล่ะ ถ้าจะก่อเรื่องก็อย่าสร้างปัญหาให้ข้าเลยจะได้มั๊ย ?
"นี่คือขนมของสนมคนโปรดชื่นชอบมากที่สุด มาเถอะ ชิมสักหน่อย" จี้อู๋เจวี๋ยไม่สนใจสายตาวิงวอนที่ส่งมาคู่นั้น หยิบขนมออกมาจากจานหนึ่งชิ้นแล้วป้อนให้ถึงปากของลู่ยุ๋นหลัวด้วยตัวเอง
ลู่ยุ๋นหลัวมองไปที่ขนมกุ้ยฮวา(ขนมกุ้ยฮวา ทำมาจากแป้งขาวเจ้าลักษณะสีเหลืองรสสัมผัสนุ่มฟูเหมือนเค๊กทั่วไป)ที่ส่งมายังบริเวณปากด้วยสีหน้าลำบากใจ
นางควรกินดี ?
หรือไม่ควรกินดี ?
ตอนที่ยังไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่นั้น เขาก็เห็นริมฝีพระโอษฐ์เรียบบางของจี้อู๋เจวี๋ยที่ทรงเผยอพูดออกมาเบา ๆ "เงินหนึ่งหมื่นตำลึง สำหรับการแสดงร่วมกับข้า"
ดวงตาของลู่ยุ๋นหลัวเป็นประกายในทันที ใบหน้าเมื่อสักครู่ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นั้นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มทันที
ที่แท้ก็การแสดง !
แล้วก็ไม่รีบบอก !
แถมยังให้เงินอีก !
ข้าก็ต้องรู้สึกเกรงใจมากจริง ๆ น่ะสิ !
"สองหมื่นตำลึง ไม่อย่างั้นก็เลิกคุย" ลู่ยุ๋นหลัวพูดเบา ๆ โดยยังคงรอยยิ้มที่สง่างามไว้อยู่
"ได้" พูดอย่างไม่ทันคาดคิด จี้อู๋เจวี๋ยก็ทรงตอบตกลงอย่างง่ายดายทันที
ลู่ยุ๋นหลัวแอบรู้สึกเสียใจเล็กน้อย รู้เช่นนี้พูดขอเงินให้เยอะกว่านี้แต่แรกจะดีกว่า
ขณะที่นางลังเลว่าจะใช้โอกาสนี้ขึ้นราคาอีกดีรึไม่ แสงไอเย็นของจี้อู๋เจวี๋ยก็ทรงกวาดมองมาที่นางอย่างเย็นชา เหมือนจะแฝงความหมายว่า เจ้ากล้าที่จะลองขึ้นราคาอีกรึ ?
ลู่ยุ๋นหลัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลืนคำพูดนั้นลงไป แต่นางก็ยังนึกถึงเรื่องแต่ก่อนที่นางขาดทุนไปนั้นจึงพูดดักขึ้นมา "ข้าไม่รับการค้างชำระหรือชดใช้หนี้รูปแบบอื่นใด ๆ ทั้งสิ้น ข้าต้องการแค่เงินตำลึง"
ถ้าไม่พูดให้ชัดเจน เดี๋ยวถ้าหากชายคนนี้กลับลำและใช้หนี้ด้วยร่างกายของเขาเองอีก นางก็ต้องเสียเปรียบอีกแล้วไม่ใช่หรือ
จี้อู๋เจวี๋ยเลิกพระขนงค์ขึ้น ทรงตรัสตอบกลับไปโดยไม่ได้พิจราณาอะไร "ได้"
"ต้องการให้ข้าทำอะไร ?"
“ให้คนอื่นรู้ว่าเจ้านั้นชอบข้า” พระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยทรงเหลือบมองไปยังเงาสีขาวแห่งหนึ่งที่ด้านล่าง
ง่ายดายขนาดนี้ ?
ลู่ยุ๋นหลัวคิดว่าจี้อู๋เจวี๋ยจะให้ทำเรื่องยุ่งยากอะไรสะอีก
ให้คนอื่นเข้าใจผิดง่าย ๆ แค่นี้นะเหรอ ?
ทันใดนั้น หยุนหลัวก็เชิดคางขึ้นพร้อมกับดวงตาที่แฝงไปด้วยความรักอันล้นเปี่ยมคู่หนึ่งจ้องมองที่จี้อู๋เจวี๋ยอย่างเสน่ห์หา
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทคิดว่าสายตาของข้าตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง ?”
จี้อู๋เจวี๋ยเพียงทรงเหลือบมองสบเข้ากับสายตาคู่นั้น สีพระพักตร์ของเขาก็กลับไปเป็นเฉยเมยก่อนจะตรัสขึ้น "ยังไม่พอ"
ไม่พอ ?
ทันใดนั้นอารมณ์ของลู่ยุ๋นหลัวก็สนใจขึ้นมาทันที นางจึงเปลี่ยนทัศนคติเป็นมืออาชีพขั้นสูงสุด
"ฝ่าบาท ขนมนี้ฝ่าบาททรงลองชิมด้วย..." หลู่หยุนหลัวรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงที่ดัดจริตของนางเอง
พร้อมกับกัดฟันขืนพูดด้วยน้ำเสียงที่เขียมอายและอ่อนโยนผนวกกับป้อนของหวานถึงบริเวณพระโอษฐ์ของจี้อู๋เจวี๋ย
จี้อู๋เจวี๋ยเลิกพระขนงค์ในทันที ทรงกัดขนมที่ป้อนเข้าพระโอษฐ์ของเขา ลู่ยุ๋นหลัวรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาและค่อย ๆ เช็ดที่มุมพระโอษฐ์ของจี้อู๋เจวี๋ยอย่างนุ่มนวล
ฝ่าบาท หม่อมฉันที่ถวายป้อนขนมนั้นอร่อยมั๊ยเพคะ ?" ลู่ยุ๋นหลัวกระพริบตา หมายความว่า เป็นยังไงบ้าง การแสดงพอได้หรือไม่ ?
จี้อู๋เจวี๋ยกระตุกมุมพระโอษฐ์ด้วยความรู้สึกทรงมีพระหฤทัยเปี่ยมล้นอย่างอธิบายไม่ได้ "ก็ไม่เลว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...