ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 119

ฮวาหมัวนี้ในยุคปัจจุบันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของประเทศชาติ

ในยุคคนรุ่นเก่า ไม่ว่าจะงานแต่งงาน งานศพ การคลอดบุตร งานฉลองวันเกิด งานสี่ฤดูแปดเทศกาล การบวงสรวง การไว้ทุกข์ให้กับผู้ตายก็ล้วนขาดไม่ได้ทั้งสิ้น

เมื่อตอนที่ยังไม่มีเค้กนั้น ก็ล้วนใช้ฮวาหมัวแทนเค้กเพื่อฉลองวันเกิด

น่าเสียดายที่ในยุคปัจจุบัน คนหนุ่มสาวจำนวนมากเริ่มไม่รู้จักหรือได้ยินฮวาหมัวกันแล้ว ซึ่งคงอยู่คู่กับมรดกทางวัฒนธรรมนี้มาอย่างยาวนานและกำลังค่อย ๆ ถูกลืมเลือน

“ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ผาสุกปลอดภัย เยี่ยมดีมาก!” พระพันปีหลวงทรงยืนขึ้นดูเหมือนทรงตื่นเต้นเล็กน้อย

นี่ คือของขวัญวันเฉลิมพระชนมพรรษาของนางที่ดีที่สุดที่นางทรงได้รับในวันนี้!

ผู้คนต่างพึ่งพาอาหารดั่งพระเจ้า !

ความหมายแฝงเบื้องหลังของขวัญวันเฉลิมพระชนมพรรษานี้ไม่มีของขวัญใดที่จะมาเปรียบได้

ณ อาณาจักรตงหลานที่ซึ่งขาดแคลนความหลากหลายทางอาหาร ฮวาหมัวนี้จึงเป็นดั่งสัญลักษณ์ของความปรารถนาอาหารของผู้คน !

ในขณะเดียวกันพระพักตร์ของนางเองก็ตกใจไม่น้อย ไม่คาดคิดมาก่อนว่าผงแป้งสีขาวนั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ร้อยแปดพันเก้ากลายเป็นอาหารที่ทำให้ผู้คนทึ่งได้ขนาดนี้

ยิ่งนางทรงมองฮวาหมัวนี้ นางก็ยิ่งทรงพอพระทัยเป็นอย่างมาก

“ลูกเจวี๋ย เจ้าบอกข้าที ว่าข้าควรให้รางวัลอะไรแก่นาง ?” พระพันปีหลวงทรงดูเหมือนค่อนข้างกระอักกระอ่วนใจ “หากเป็นการมอบเงินทองเพชรนิลจินดาก็เกรงว่าจะดูธรรมดาเกินไป แต่นอกจากเพชรนิลจินดานี้เองแล้ว ข้าเองก็คิดอย่างอื่นไม่ออกจริง ๆ”

เมื่อได้ยินคำตรัสของพระพันปีหลวง บางคนก็หันไปมองดูเหยากุ้ยเหรินโดยไม่รู้ตัว

พระพันปีหลวงเมื่อสักครู่ได้พระราชทานรางวัลแก่เหยากุ้ยเหรินด้วยเงินทองและเพชรนิลจินดาเป็นกอง นั่นหมายความว่า ของรางวัลพวกนั้นที่พระราชทานให้เหยากุ้ยเหรินเป็นเพียงสิ่งของธรรมดาพื้นฐานแค่นั้นเองเหรอ ?

เหยากุ้ยเหรินยิ้มด้วยสีหน้าที่เฉยเมยและหยิบแก้วน้ำขึ้นมา ราวกับว่าไม่ควรจะต้องมาใส่ใจ

อย่างไรก็ตาม คำตรัสต่อจากนี้ของพระพันปีหลวงแถบจะทำให้นางสำลักน้ำในถ้วยชาจนกระเซ็นออกมา

"ข้ามีความสุขมากที่ได้เห็นยุ๋นหลัว ทำไมลูกเจวี๋ย เจ้าไม่รีบจัดพิธีแต่งตั้งฮองเฮาเลยล่ะ ถือซะว่าเป็นรางวัลของข้าที่มอบแก่ยุ๋นหลัวเป็นไง ?" พระพันปีหลวงทรงมองดูลู่ยุ๋นหลัวด้วยรอยยิ้มที่ประดับอยู่เต็มพระพักตร์ของนาง

ความรู้สึกที่แฝงออกมาผ่านพระเนตรคู่นั้นเหมือนกำลังจะตรัสเป็นนัยบอกทุกคนว่า ตำแหน่งฮองเฮานี้จะต้องเป็นยุ๋นหลัวผู้เดียวเท่านั้น

ลู่ยุ๋นหลัวคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว

เหตุใดอยู่ดี ๆ ก็เอะอะถึงเรื่องแต่งตั้งฮองเฮาขึ้นมาเลยล่ะ ?

พระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยก็ทรงมองไปที่ลู่ยุ๋นหลัวไปมาจนในที่สุดก็ตรัสขึ้น "เสด็จแม่ เรื่องนี้คงจะรีบร้อนเกินไปรึไม่ เรื่องการแต่งตั้งฮ่องเฮาไว้ปรึกษากันทีหลังเถอะพะยะค่ะ"

พระพันปีหลวงทรงแสดงสีหน้าถอนหายใจ แต่นางก็ไม่ได้ตรัสอะไรเพิ่มเติมต่อ และได้พระราชทานรางวัลแก่ลู่ยุ๋นหลัวไปหนึ่งกอง จนถึงตอนท้ายนางก็พระราชทานรางวัลแก่ลู่ยุ๋นหลัวด้วยปิ่นมงกุฎหงส์บนพระเกศาของนาง

ก่อนที่งานเลี้ยงจะสิ้นสุดลง ฮวาหมัวสูงเก้าชั้นก็ได้ถูกแจกให้กับแขกทุกคนในมืออย่างครบถ้วน

เมื่อได้รับมาในมือ ก็ยังคงมีความร้อนอุ่นและกลิ่นหอมจาง ๆ ของข้าวสาลีโชยขึ้นมา

นอกจากองคมนตรีบางคนในห้องทรงตำราของฝ่าบาทที่เคยกินซาลาเปาและหมั่นโถวไปแล้ว ณ ที่แห่งนี้ก็ยังมีคนอยู่จำนวนมากที่ยังไม่เคยทานอาหารชนิดนี้

หลังจากได้รับมาในมือแล้ว ปฏิกิริยาของทุกคนคือยังไม่ทานในทันที แต่กลับมองดูอย่างละเอียด

อย่างที่รู้กันดี ตอนนี้ข้าวสาลีเป็นของหายากที่จะมีเฉพาะในวังเท่านั้น

ถ้าทานอาหารที่อยู่ในมือนี้จะหมดก็เท่ากับว่าไม่มีอีกแล้ว

บางคนก็ได้มาเป็นลูกท้อเซียน บางคนก็ได้เป็นน้ำเต้า และบางคนก็ได้เป็นทองหยวนเป่า

ไม่เพียงแต่รูปร่างจะแตกต่างกันเท่านั้น แต่ละรูปร่างยังทำออกมาให้เหมือนจริงอีกด้วย

หลังจากกัดเข้าไปเบา ๆ กลิ่นหอมของข้าวสาลีก็โชยเข้าจมูก ไส้ถั่วแดงกวนด้านในเมื่อผนวกเข้ากับรสสัมผัสที่นุ่มนิ่มด้านนอก มันช่างเอร็ดอร่อยจริง ๆ !

"เอ๋ ของข้าด้านในเป็นไส้เนื้อ !"

"ของข้าคือเป็นถั่วแดงกวน"

“ของข้าเป็นผัก!”

ไม่ว่าจะเป็นลูกพีช ทองหยวนเป่า หรือว่าน้ำเต้า รสชาติข้างในก็จะเปลี่ยนไปหลากหลาย

จึงทำให้ผู้คนต่างก็ต้องตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากจบงาน ผู้คนต่างก็คุยกันถึงข้าวสาลีที่ทำออกมาเป็นฮวาหมัวชนิดต่าง ๆ 

รอจนข้าวสาลีเป็นที่แพร่หลายในภายภาคหน้าเมื่อไหร่ พวกเขาจะต้องฉลองวันเกิดโดยทำฮวาหมัวแบบนี้ออกมาเพื่อเพิ่มความสนุกสนานอย่างแน่นอน 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น