ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 12

หลันกุ้ยเหรินแห่งวังหลิวหยุนสมกับที่เป็นธิดาของอาณาจักรหลิว เพียงแค่นางต้องการเป็นคนโปรดขององค์จักรพรรดิ นางถึงขนาดทุ่มหมดหน้าตักที่มี

"นายหญิง บ่าวอยากรู้ว่าทำไมหลันกุ้ยเหรินถึงยอมจ่ายถึงพันตำลังเพียงแค่ซื้อเหล้าดอกบัวด้วย ?" หยินซวางสงสัย เพียงเหล้าดอกกาเดียวสามารถทำให้องค์จักรพรรดิประทับพระหฤทัยได้จริงหรือ ?

"พันตำลึงอะไรของเจ้า ?" ลู่ยุ๋นหลัวนางเอ่ยพลางใช้ความคิดในการหาตำลึงก้อนสุดท้ายภายใน 10 วันนี้ให้ได้เท่านั้น ซึ่งนางก็ได้ยินอย่างคลุมเครือว่าอะไรพันตำลังสักอย่างแค่นั้น

"เรื่องทั้งหมดมันเริ่มจาก เมื่อวันก่อนเหยากุ้ยเหรินถวายเหล้าดอกบัวให้องค์จักรพรรดิ 1 กา องค์จักรพรรดิทรงปลื้มพระทัยเป็นอย่างมากถึงขนาดพระราชทานทรัพย์สมบัติล้ำค่าส่งไปที่วังหลีเซี๋ย เฉกเช่นเดียวกันกับหลัยกุ้ยเหรินที่อยากทรงเป็นที่โปรดปราณขององค์จักรพรรดิด้วยเช่นกัน นางจึงเสนอราคาถึงพันตำลังให้กับเหล้าดอกบัวที่หมักมากกว่าหนึ่งเดือน จนกระทั่งตอนนี้สระบัวเดิมที่เคยมีบัวอยู่เต็มก็ถูกเด็ดไปจนหมดสระแล้ว” เมื่อนายหญิงของนางพูดจบ หยินซวางก็นึกได้เรื่องหนึ่งที่ยังได้กล่าวต่อนายหญิงของนาง

"นายหญิง บ่าวนึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ว่านายหญิงเดือนที่แล้วหมักเหล้าดอกบัวเอาไว้ใช่รึไม่ ?"

"ใช่แล้วหละ ข้าหมักไว้แล้วอยู่หลายไหเลยหละ" ลู่ยุ๋นหลัวกล่าว ในหนึ่งนั้นสามารถใส่แบ่งออกมาขึ้นต่ำได้เป็น 10 กา

หยินซวางตาเป็นประกายทันใดพร้อมกล่าว "หรือว่าเราควรที่จะ..."

ลู่ยุ๋นหลัวกล่าวขัดฝันกลางวันที่หยินซวางกำลังฝันหวานอยู่ "เจ้าแน่ใจรึว่าเราควรเริ่มเจรจากับหลันกุ้ยเหรินก่อน ?"

หน้าของหยินซวางขมวดยับขึ้นในพริบตา เราควรเจรจาก่อนไม่ใช่รึ ?ตัวตนของนายหญิงตอนนี้ที่ค่อนข้างไม่น่าเชื่อถือ แล้วยังจะเป็นแค่สนมที่ถูกปลดไปให้พำนักตำหนักเย็น โดยเฉพาะใบหน้าของนายหญิงที่น่าดึงดูด ถ้าหลันกุ้ยเหรินมาเห็นนายหญิงจนอิจฉาตาร้อนขึ้นมาจะมีหนทางอื่นใดได้อีก ?

ยิ่งไปกว่านั้น การให้นางไปวังหลิวหยุน นั่นจะเป็นความเสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวตนของนาง มิได้ มิได้ !

นางมิอาจเอาความเสี่ยงของนายหญิงของนางไปแลกกับไม่กี่พันตำลัง 

"ก็ใช่ว่าอัปจนหนทางซะทีเดียว" ลู่ยุ๋นหลัวคิดอยู่ชั่วครู่ กาเหล้าดอกบัว 1 กากับ 1,000 ตำลัง โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปคงไม่มีอีกแล้ว ซึ่งตอนนี้ตำลึงที่นางมีก็คงไม่พอสำหรับหนีออกจากวังด้วย

เรือนชิงจูเป็นเรือนรับรองของขันทีเฉิงประจำห้องปรุงพระกระยาอาหาร โดยปกติตรงนี้ มักไม่ค่อยมีผู้ใดผ่านมา มีเพียงวันที่เสร็จจากการจับจ่ายนอกวังกลับมาเท่านั้นที่จะจะครึกครื้นเป็นพิเศษ

ภายในบริเวณเรือนรับรอง ลู่ยุ๋นหลัวร่วมโต๊ะอาหารกับสองขันที ไอควันจากหั่วกัว(หั่วกัว หมายถึง สุกี้ของประเทศจีนที่มีลักษณะเป็นน้ำซุปสีแดง รสชาติเผ็ดชา)ลอยเป็นควันสีขาวบาง ๆ ขึ้นมาบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่

ด้านหน้าของทุกคนมีหม้อทองแดงคนละหม้อที่กำลังมีซุปแดงเผ็ดร้อนเดือนปุด ๆ อยู่

"เสี่ยวลู่จึ ฝีมือการทำอาหารของเจ้าช่างมีพรสวรรค์ เสียดายที่เจ้าไม่ได้มาเป็นพ่อครัวห้องปรุงพระกระยาอาหาร"  ขันทีเฉิงคีบเนื้อที่ต้มจกสุกในหม้อของตัวเองเข้าปากเขี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย รับรสได้ถึงความเผ็ดชาและร้อนช่าทั่วทั้งลิ้น ไม่รู้ในหม้อใส่วัตถุดิบอะไรลงไปบ้างถึงกับได้ซุปมีรสชาติจัดจ้านสีแดงฉาน

แล้วยังวิธีการทานที่ต้มไปทานไปเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วที่ค่อนชีวิตที่อยู่ในวังแห่งนี้กลับไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน เจ้าเสี่ยวลู่จึคนนี้ ช่างมีวิธีคิดแปลกแยกพิศดารเสียจริง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น