ลุงหวังหันกลับมา เห็นเพียงสตรีคนหนึ่งสวมชุดของอิสตรีทำจากผ้าไหมสีฟ้าอ่อนยืนอยู่ไม่ไกลและมองเขาด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
"ตุ้บ !" เสียงดังขึ้น
ถังไม้ในมือของลุงหวังตกลงสู่พื้น "พลั่ก" จากนั้นก็เป็นเสียงคุกเข่าที่ตามมา
"คุณหนูใหญ่ ในที่สุดท่านก็มา..."
เสียงของลุงหวังสะอึกด้วยความตื่นเต้น
น้ำตาไหลรินเอ่อล้นเป็นประกายที่ดวงตาของเขา
ประโยคสั้น ๆ นี้ แต่กลับเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายที่อยากจะพรรณนา
มีทั้งความตื่นเต้น ความคาดหวัง ความยินดี และแม้แต่ความคับข้องน้อยใจ
ลู่ยุ๋นหลัวก้าวไปข้างหน้าและพยุงลุงหวังให้ลุกขึ้น
ลุงหวังคว้าจับมือของลู่ยุ๋นหลัว "คุณหนูใหญ่ บ่าวมีเรื่องสำคัญจะบอกท่าน"
ขณะที่เขาพูดก็มองไปรอบ ๆ อย่างเป็นกังวล "มาเถอะ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในกัน"
คอกม้าด้านในทั้งสกปรกและมีกลิ่นเหม็น ซึ่งโดยปกติก็ไม่มีใครเข้ามาในนี้นัก
“คุณหนูใหญ่ บ่าวขอร้องท่าน ได้โปรดรีบช่วยท่านผู้อาวุโสด้วยเถอะ”
ทันทีที่เข้าไปในคอกม้า ลุงหวังก็คุกเข่าลงอีกครั้งทันที
ตอนนี้คนในจวนไม่มีสักคนที่เขาจะเชื่อใจได้ เขาเชื่อเฉพาะลู่ยุ๋นหลัวที่อยู่ต่อหน้าเขาเท่านั้น
"ลุงหวัง ข้ามาที่นี่วันนี้เพราะเรื่องของท่านตาของข้า ถ้าเจ้ารู้อะไรก็บอกมาเถอะ" ลู่ยุ๋นหลัวมองไปที่ลุงหวังที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ภายในใจเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย
แม้ว่าลุงหวังคนนี้อายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่ตอนที่เขาเป็นผู้ดูแลกลับดูมีชีวิตชีวามาก ตอนนี้ที่ทำงานในคอกม้า ดูเหมือนเขาจะแก่ลงไปไม่น้อย
“คุณหนูใหญ่ ท่านผู้อาวุโสไม่ได้ป่วยหนัก แต่มีคนวางยาเขา !” ลุงหวังมีอารมณ์ตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเขาพูดเรื่องนี้
ที่แท้ ในวันที่สองของการอภิเษกของลู่ยุ๋นหลัว หรือก็คือวันที่นางถูกขับไสเข้าไปพำนักในตำหนักเย็น ท่านผู้อาวุโสก็ล้มป่วยลง อีกทั้งอาการก็ยังรุนแรงมากราวกับจะไม่มีทางฟื้นกลับดีขึ้นมาได้
ในตอนแรก ลุงหวังคิดว่าเป็นเพราะอัครมหาเสนาบดีถูกประหารชีวิต และคุณหนูใหญ่ก็ถูกขับไสเข้าไปพำนักตำหนักเย็น จึงเป็นผลที่ทำให้เสียใจมากจนอาการทรุดลงหนักเช่นนี้
ต่อมา ก็ได้เชิญแพทย์ที่เก่งที่สุดในเมืองหลวงมา พวกเขาล้วนต่างบอกว่าท่านผู้อาวุโสโศกเศร้าเป็นอย่างมาก เดิมทีก็มีโรคอยู่ในร่างกายอยู่ก่อนแล้ว จนถึงตอนนี้อาหารก็กำเริบออกมาพอดี
ว่ากันว่าโรคภัยไข้เจ็บมาเท่าภูเขา ท่านผู้อาวุโสก็เจ็บป่วยมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
ถึงแม้ว่าท่านผู้อาวุโสจะล้มหมอนนอนเสื่อ แต่บางครั้งก็ยังกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา ยังสามารถทานอาหารได้ ดื่มน้ำได้
หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ นายท่านสองและนายท่านสามทั้งสองครอบครัวต่างก็พาผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงย้ายเข้ามาพักอาศัยในจวนกั๋วกงโดยอ้างว่าช่วยดูแลท่านผู้อาวุโส
เมื่อ 10 วันก่อน ขณะที่เขาเทโจ๊กที่เหลือทานจากท่านผู้อาวุโสลงในถังน้ำ อยู่ดี ๆ ก็ถูกสุนัขจรจัดที่บุกเข้ามาจากข้างนอกทำหก สุนัขตัวนั้นกินไปได้เพียงไม่กี่คำก็ตายในทันที
ลุงหวังถึงกับรู้สึกตกใจ ว่าแต่ไหนแต่ไรมามีคนวางยาพิษในอาหารของท่านผู้อาวุโส
พอมาถึงวันที่สอง ลุงหวังก็เริ่มระมัดระวังอาหารจากครัวที่ทำออกมา แต่ในคืนนั้นเขาก็ถูกเด็กรับใช้ปรักปรำ กล่าวว่าเขาฉวยโอกาสที่ท่านผู้อาวุโสป่วยทรุดหนักเพื่อขโมยเงินตำลึงและต้องการหลบหนี จากนั้นก็ถูกนายท่านสามส่งไปที่คอกม้าในทันที
และท่านผู้อาวุโสตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาการก็ป่วยหนักลงเรื่อย ๆ จนถึงขนาดที่อาหารก็เริ่มทานไม่ได้ นับวันผ่านไปก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ จนดูเหมือนว่าเขาพร้อมจะจากไปได้ทุกเมื่อ
หากไม่ใช่เพราะไม่กี่วันก่อนท่านอ๋องเฉินได้มาเยี่ยมเยือน เกรงว่าท่านผู้อาวุโสก็คงจากไปตั้งนานแล้ว
"คุณหนูใหญ่ จนถึงตอนนี้ข้างกายของท่านผู้อาวุโสไม่มีใครไว้ใจได้แม้แต่คนเดียว นอกจากคุณหนูใหญ่แล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอีก ! ได้โปรดคุณหนูใหญ่ช่วยท่านผู้อาวุโสด้วยด้วย !" ลุงหวังคุกเข่าลงบนพื้นโค้งก้มหัวแก่ลู่ยุ๋นหลัว
ชีวิตของท่านผู้อาวุโสช่างลำบากขมขื่นเหลือเกิน !
เขาเป็นทหารมาตลอดชีวิต สูญเสียภรรยาไปตั้งนานแล้ว และยังสูญเสียลูกสาวเมื่อวัยกลางของเขา แม้กระทั่งลูกชายคนเดียวที่มี ก็มาเป็นบุคคลทุพพลภาพที่หายสาปสูญไปไร้ข่าวคราว
กระทั่งตอนนี้ ก็มาถูกคนทรยศทำร้าย จนล้มหมอนนอนเสื่อ แม้แต่คนที่กตัญญูจะคอยปรนนิบัติข้างกายก็ไม่มีสักคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...