ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 134

"ตอนนี้ น้องชายของท่านตาทั้งสองมีท่าทีเช่นไรรึ ?" ลู่ยุ๋นหลัวไม่ชอบน้องชายท่านตาทั้งสองคนนั้นเท่าไหร่นัก

ลุงหวังยิ้มอย่างเย้ยหยันพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยการเสียดสี "นายท่านสองและนายท่านสามไม่ได้ย้ายเข้าไปในจวนเพื่อดูแลท่านผู้อาวุโส พวกเขาทั้งสองตระกูลต่างคอยคิดถึงแต่ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของจวนกั๋วกง ท่านผู้อาวุโสมีไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีสติสัมปชัญญะ พวกเขาสองตระกูลก็จะหยิบพู่กันและน้ำหมึกให้ท่านผู้อาวุโสรับเลี้ยงบุตรของตนเอง เพื่อว่าหลังจากท่านผู้อาวุโสจากไปลูกชายของตนเองจะได้รับตำแหน่งบรรดาศักดิ์ต่อจากเขา”

ไม่แปลกใจเลย !

ลู่ยุ๋นหลัวจำได้ว่าตอนที่นางเดินเข้าประตูไป เด็กรับใช้กำลังแบกโลงศพเข้าไปข้างใน เพื่อเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

“แล้วตอนนี้การตัดสินใจรับเป็นบุตรกำหนดไปแล้วหรือยัง ?” ถ้าตัดสินใจกำหนดไปแล้วก็คงลำบาก

ลุงหวังส่ายหัว "ทั้งสองตระกูลต่างก็ไม่เชื่อในอีกฝ่าย ตอนนี้ เหมือนจะถึงทางตันจนไม่มีความคืบหน้า"

ลู่ยุ๋นหลัวพยักหน้า

ปัจจุบันยังยากที่จะบอกว่าใครเป็นคนวางยาท่านตา

“แล้วใครเป็นผู้ดูแลในจวนตอนนี้ ?”

คนทั้งสองตระกูลที่อาศัยอยู่ในจวนกั๋วกง ไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อยว่าพวกเขาจะต้องใช้จ่ายด้วยเงินของจวนกั๋วกง

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคลังเก็บสมบัติในจวนหลังนี้ถูกสองตระกูลนี้ปอกลอกเหลือสักเท่าไหร่

“คือหลิวชื่อลูกสะใภ้คนโตของนายท่านสามซึ่งเป็นผู้ดูแลส่วนกุญแจคลังเก็บสมบัติในจวนก็ถูกพวกเขาเอาไปแล้ว” ลุงหวังกล่าว

ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้วสงสัย หลิวชื่อ ?

ในความทรงจำของนาง นางเป็นสะใภ้ของลูกพี่ลูกน้องของน้าที่มักจะทำเรื่องอะไรก็ประมาทเลินเล่อ ถ้านางเป็นผู้ดูแลจวนกั๋วกง แล้วท่านตาคนรองจะยอมได้อย่างไร ?

ถ้าทั้งสองตระกูลมาดูแลท่านจริง ๆ ก็คงแล้ว ๆ ไป

แต่ดูจากปัจจุบันแล้ว ทั้งสองตระกูลแถบจะไม่สนใจความปลอดภัยของท่านปู่ของพวกเขา และอย่างเห็นได้ชัดว่าอยากจะให้ท่านปู่ของพวกเขาจากไปโดยเร็วด้วยซ้ำ เพื่อให้ลูกชายของพวกเขาได้รับตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของจวนกั๋วกงต่อ

ถ้านางรู้ว่าคนที่วางยาพิษอยู่เบื้องหลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา พอถึงตอนนั้นก็อย่ามาโทษนางว่าไร้ความปรานี

หลังจากพูดคุยกับลุงหวังไม่กี่ประโยค นางก็ออกจากคอกม้าและเดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า

ข้ารับใช้บางส่วนของจวนกั๋วกงเคยเห็นลู่ยุ๋นหลัวมาก่อน ตอนนี้พอได้เห็นลู่ยุ๋นหลัวที่อยู่ดี ๆ ก็ปรากฎขึ้นในจวนกั๋วกงอย่างไม่คาดคิด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปฏิเสธขนบธรรมเนียมมารยาทไปได้ “กราบบังคมทูลนายหญิง”

ลู่ยุ๋นหลัวพยักหน้า "ลุกขึ้นเถอะ เจ้ารีบไปเรียกนายท่านสองและนายท่านสามของพวกเจ้ามาที่โถงด้านหน้าที่ ข้าต้องการพบพวกเขา"

หลังจากนั้นลู่ยุ๋นหลัวก็ให้คนไปเรียกแม่นมโจวและ นางข้าหลวงอีกหกคนเข้ามาในจวน

หลังจากสั่งให้ไปจัดการธุระได้สักพัก ก็ให้นางข้าหลวงสี่นางไปที่ห้องของท่านตาเพื่อไปปรนนิบัติคอยรับใช้

เมื่อรอท่านตาคนรองและท่านตาคนสามมาถึงห้องโถงด้านหน้า ลู่ยุ๋นหลัวก็กำลังนั่งร้องไห้ตาแดงก่ำทั้งสองข้างอยู่ในห้องโถง

ท่านตาคนรองและท่านตาคนสามต่างสบตามองกัน

ได้ยินมาว่าหลานสาวของพวกเขามีความรักอย่างลึกซึ้งต่อพี่ชายของพวกเขา

ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเข้าไปในพระมหาราชวังแล้วเวลานี้ก็ยังสามารถออกมาหาพี่ชายของพวกเขาได้ ไม่กี่วันก่อนมีข่าวว่าหลานสาวของพี่ชายของพวกเขาทรงเป็นที่โปรดปราณของฝ่าบาทเป็นอย่างมาก

“กราบบังคมทูลนายหญิง” ทั้งสองเดินนำหน้าถวายบังคม คนที่ตามมาข้างหลังก็คุกเข่าถวายบังคมเช่นกัน “ทรงพระเจริญพันปีพันปีพัน ๆ ปี”

"รีบ ๆ ลุกขึ้นเถอะ" ลู่ยุ๋นหลัวสีหน้าตื่นตระหนกพร้อมกับรีบให้พวกเขาลุกขึ้น

หลังจากทั้งสองนั่งลงแล้ว ลู่ยุ๋นหลัวก็เริ่มพูดอย่างเศร้าใจ "ท่านตาคนรอง ท่านตาคนสาม ท่านตาของข้า เขา...เหลือเวลาอีกกี่วัน ?"

“กราบทูลนายหญิง ท่านพี่ใหญ่ของกระหม่อม เกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่กี่วันพะยะค่ะ” คนที่พูดคือท่านตาคนรอง ซึ่งปกติมักเป็นคนฉลาด แต่ในขณะนี้ใบหน้าของเขากลับมีแววพร้อมรับมือเหตุการณ์อย่างเต็มที่

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวได้ยิน ชั่วเวลานั้นนางรู้สึกโศกเศร้าอีกครั้ง

“เมื่อสักครู่ตอนข้าไปเยี่ยมท่านตา ท่านตาได้พูดถึงเรื่องการรับเลี้ยงบุตรให้ข้าฟัง”

“พี่ชายใหญ่เมื่อสักครู่ตื่นแล้วรึ ?” ท่านตาคนรองดูงุนงงเล็กน้อย

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา พี่ชายใหญ่ของเขาหลับไม่มีสติอยู่ตลอดเวลา จะเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ  ว่าเมื่อนางมาถึงก็ตื่นขึ้นมาพอดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น