ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 150

“หลังจากที่กินเข้าไป แม้แต่คนตายเจ้าก็สามารถนำกลับมาจากยมโลกได้ภายในเวลาแค่ธูปครึ่งก้าน ตอนนี้ยานี้มีราคาสูงแต่ก็ใช่ว่าจะซื้อขายกันได้ง่าย ๆ แม้แต่โรงประมูลของหอเซียนแพทย์ของพวกเราก็ถูกขายไปในราคาที่สูงเสียดฟ้า !”

“เจ้าเด็กน้อย เงิน 50,000 ตำลึงเงินแลกกับยาเม็ดนี้ได้ ยังไม่พอใจอีกเรอะ !”

“ยาเก้าฟื้นวิญญาณ !”

เป่ยถังหลิงเฟิงตกตะลึงอย่างขีดสุด!

แม่หญิงคนนั้นมีที่มาที่ไปยังไงกันแน่ ?

หลังจากที่ลู่ยุ๋นหลัวลงมาจากชั้นสองของหอเซียนแพทย์ นางก็ซื้อวัตถุดิบยาธรรมดาอีกหนึ่งถุงใหญ่ เมื่อกลับไปจะได้ทำยาเอาไว้ป้องกันตัวเอง

หลังจากออกมาจากหอเซียนแพทย์ นางก็หาสถานที่ที่ไม่มีผู้คนพร้อมกับนำยาที่ซื้อมาทั้งหมดใส่เข้าไปในมิติพิเศษ

ต่อจากนั้นนางก็เตรียมพร้อมที่จะจัดการธัญพืชในโกดังของมิติพิเศษต่อ

หากต้องการเอาธัญพืชในมือไปขาย ก็ต้องหาสถานที่เป็นโกดังเพื่อเก็บวางธัญพืชไว้ สถานที่นี้ทางที่ดีควรอยู่กันดารห่างไกลสักเล็กน้อย

ลู่ยุ๋นหลัวเดินไปรอบ ๆ เมืองหลวง จนในที่สุดก็ได้เช่าบ้านที่มุมหนึ่งของตอนใต้ของเมืองหลวง สถานที่นั้นล้อมรอบด้วยกำแพงสูง ซึ่งไม่มีทางที่จะเห็นสถานการณ์อะไรข้างในได้เลย

มีประตูหน้าหลังสองบ้าน ปากประตูหันไปทางถนนสายธรรมดา

หลังจากที่ลู่ยุ๋นหลัวเลือกสถานที่ดี ๆ ได้แล้วและจ่ายค่าเช่าพร้อมกับรับกุญแจมา นางก็นำข้าวสารและข้าวฟ่าง ที่สามารถขายได้จากในโกดังของมิติพิเศษออกมา

โกดังในมิติพิเศษมีระบบการคำนวนชั่งน้ำหนัก

ลู่ยุ๋นหลัวแค่ชำเลืองมอง ข้าวสารก็หนักราวประมาณ 37,500 กิโลกรัม  ส่วนข้าวฟ่างหนักประมาณ 25,000  กิโลกรัม แปลงเป็นหน่วยชึที่ที่นี่ใช้กันก็จะมีข้าวสารประมาณ 750 ชึและข้าวฟ่าง 500 ชึ

อีกทั้งธัญพืชเหล่านี้ นางก็แค่ใช้พื้นที่เพาะปลูกบางส่วน 10 หมู่ในมิติพิเศษแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น

ความเร็วขนาดนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ

พื้นที่ในโกดังของมิติพิเศษก็โล่งไปเลยครึ่งหนึ่ง พืชผลในพื้นที่เพาะปลูกก็เริ่มกลับงอกเงยต่ออีกครั้ง โกดังก็เริ่มดำเนินการทำงานต่อในทันที

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวเห็นว่าสัญญาณเตือนภัยบนหลังคาโกดังได้งอกขึ้นมาใหม่เกินครึ่งของตัวอุปกรณ์ จนนางรู้สึกปวดหัวในทันที

หากวันนี้นางยังไม่จัดการให้โกดังของมิติพิเศษโล่งออกบางส่วน ถ้าอ้างอิงอัตราการเติบโตการงอกขึ้นใหม่ของสัญญาณเตือนภัยแล้ว เกรงว่าอีกไม่นานนักนางคงจะต้องทนทรมานกับสัญญาณเตือนภัยที่ปลุกขึ้นในกลางดึกก็ได้

ดูเหมือนเมื่อรอจนถึงตอนที่นางจัดการเรื่องของท่านตาเสร็จสิ้น นางจะต้องเร่งวิวัฒนาการมิติพิเศษนี้ได้แล้ว

มิฉะนั้นไม่ช้าก็เร็วนางจะถูกไอสัญญาณเตือนภัยนี่ทรมานจนตายเป็นแน่

นางล็อคประตูใหญ่

บ้านที่วันนี้นางเพิ่งเช่ามา หากนางไปหาผู้ซื้อธัญพืชให้มาที่นี่ในทันที ก็คงจะกระตุ้นให้คนอื่นสงสัยได้อย่างง่ายดายมากขึ้น

ควรทิ้งเรื่องนี้ไว้สักสองวันก่อนดีกว่า

หลังจากกลับมาที่จวนกั๋วกงติ้งก็เริ่มเตรียมยาแก้พิษในทันที

หยินซวางดูผิดไปจากปกติ นางกระวนกระวายไปมาอยู่ด้านหน้าของลู่ยุ๋นหลัวอยู่ตลอด

ลู่ยุ๋นหลัวชำเลืองมองไปที่นาง สาวใช้คนนี้เก็บเรื่องเอาไว้ในใจไม่มิดจริง ๆ ต้องมีบางอย่างที่ปกปิดหลบซ่อนจากนางเป็นแน่

"เจ้ามีอะไรก็บอกข้าเถอะ"

หัวของนางวิงเวียนจนจะเป็นลมอยู่แล้ว

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวเห็นท่าทีที่ลังเลของหยินซวางก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากไปอีก

เรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้หยินซวางมีท่าทีลำบากใจได้ถึงเช่นนี้?

เป็นไปได้ไหมว่าสาวใช้คนนี้เผชิญกับปัญหาอะไรเข้า ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่ยุ๋นหลัวก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่สงสัยพร้อมกับจ้องมองไปที่หยินซวาง "เจ้าบอกข้ามาเร็ว ๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?"

หยินซวางดูเหมือนจะทนเงียบไม่ได้อีกต่อไป ในที่สุดก็ยอมเปิดปากพูดออกมา "เป็นเช่นนี้เพคะ วันนี้ท่านอ๋องเฉินเสด็จมาหานายหญิง แต่ว่า พอท่านอ๋องเฉินได้ยินว่านายหญิงขอไม่พบแขกคนใดก็กลับไปในทันทีเพคะ"

"แค่นี้ ?"

ลู่ยุ๋นหลัวเลิกคิ้ว นางรู้สึกว่ากางเกงของนาง(กางเกงของนาง ประโยคเต็มคือ"กางเกงถอดแล้ว แต่มีแค่นี้ ?" หมายถึงการสนองต่ออารมณ์ที่ไม่เพียงพอหรือผิดหวัง)...กระแอ่ม กระแอ่ม หูของนางก็ผึ่งทันที ที่แท้ก็มีแค่นี้ ?

เรื่องแค่นี้ทำให้นางลำบากใจราวกับเกิดสงครามระหว่างสวรรค์กับมนุษย์เลยเหรอ ?

"ตอนที่ท่านอ๋องเฉินเสด็จจากไป เขาฝากของบางอย่างไว้ให้แก่ท่านด้วย" หลังจากพูดจบหยินซวางก็หยิบกล่องไม้ออกมาและยื่นส่งให้กับลู่ยุ๋นหลัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น