ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 151

"แล้วยังไง ?" ลู่ยุ๋นหลัวยังไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อสักครู่หยินซวางถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้

"ไม่ใช่ว่านายหญิงลืมท่านอ๋องเฉินไปแล้วหรอกเหรอเพคะ บ่าวเกรงว่าเมื่อนายหญิงเห็นของที่ท่านอ๋องเฉินฝากมาให้จะหวนกลับไปนึกถึงเรื่องอดีตอีก” ภายใต้สายตาที่จ้องมองของลู่ยุ๋นหลัว หยินซวงก็เอาแต่ก้มหัวพูดอยู่ตลอด

แต่ถ้าหากไม่นำของที่ท่านอ๋องเฉินทรงฝากมาให้ออกมา นางคงได้แต่วัน ๆ ต้องหลบซ่อนสายตาจากนายหญิง นางคงทำไม่ได้หรอก

ตอนนั้นเองที่ลู่ยุ๋นหลัวนึกขึ้นมาได้ว่าสาวใช้คนนี้ดูเหมือนจะกังวลมากถึงเรื่องที่นางจะจำเรื่องราวของนางกับท่านอ๋องเฉินได้

ซึ่งไม่รู้จริง ๆ ว่ามีอะไรต้องกังวลนักหนา

นางพอจะเดาออกได้แล้ว

ไม่ใช่ว่าแค่เป็นเรื่องความสัมพันธ์เก่ากับท่านอ๋องเฉินหรอกเหรอ ?

เมื่อเปิดกล่องไม้ออกมา ข้างในเป็นขวดหยกสีเขียวมรกตอันประณีต

กลิ่นยาหอมโชยอ่อนอ่อนมาแตะจมูก

ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้ว เมื่อเทออกมาเม็ดหนึ่งแล้วเอามาดมที่ปลายจมูก นี่คือ...

ยาแก้พิษที่สามารถขจัดพิษของท่านตาได้ !

ลู่ยุ๋นหลัวนึกถึงสิ่งที่ชายชราท่านนั้นในหอเซียนแพทย์กล่าวไว้ เมื่อสิบวันก่อน มีคนสั่งซื้อโสมหิมะชั้นดีอายุพันปีและน้ำตาหงส์เก้าหางจากพวกเขา เป็นไปได้ไหมว่าคน ๆ นั้นคือท่านอ๋องเฉิน ?

โสมหิมะชั้นดีอายุพันปีและน้ำตาหงส์เก้าหางเป็นวัตถุดิบยาที่ต้องใช้เงินแสนกว่าตำลึง ไม่ต้องพูดถึงความพยายามอุตสาหะที่ต้องใช้ในการผลิตออกมาเป็นยา

แม้ว่าจะเป็นนางที่อยากจะทำยาแก้พิษออกมาให้ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึงสองวัน

และยังคงต้องอยู่ภายในมิติพิเศษถึงจะสามารถควบคุมเงื่อนไขปริมาณวัตถุดิบยาแต่ละอย่างได้แม่นยำ

ในการทำยาแก้พิษนี้ ตั้งแต่การซื้อวัตถุดิบยา ไปจนถึงการหาคนทำยาแก้พิษ ไปจนถึงการทำยาแก้พิษ เกรงว่าเขาคงใช้ความพยายามและราคาที่ต้องจ่ายไปอย่างมหาศาล

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หัวใจของลู่ยุ๋นหลัวก็รู้สึกจมดิ่งและหนักอึ้งด้วยเหตุผลที่ไม่ทราบ

ไม่ว่าจะเป็นบัวโลหิตก่อนหน้านี้ หรือการจัดการให้นางได้ออกไปนอกวัง หรือจะเป็นยาแก้พิษในครั้งนี้อีก ดูเหมือนนางจะติดหนี้น้ำใจเอื้ออาทรของท่านอ๋องเฉินอยู่ไม่น้อย

“นายหญิงเพคะ เหตุใดท่านอ๋องเฉินจึงให้ขวดยาแก่ท่านด้วยเพคะ ?” หยินซวงถามอย่างสงสัย

ลู่ยุ๋นหลัวหลุดออกจากภวังค์ความคิดและเก็บขวดยานั้นไป

“นี่คือยาแก้พิษ หลังจากที่ท่านตาทานยานี้เข้าไปก็จะค่อย ๆ กลับมาดีขึ้น”

“จริงเหรอเพคะ ? เยี่ยมไปเลย ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านผู้อาวุโสต้องเป็นคนดีและได้รับการช่วยเหลือจากสวรรค์เบื้องบนเพคะ !” หยินซวงกล่าวอย่างมีความสุข

ยังดีที่นางไม่ได้ปิดบังเรื่องของชิ้นนี้ ไม่เช่นนั้นท่านผู้อาวุโสคงหมดทางช่วยไปแล้วหรอกเหรอ ?

“คาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องเฉินจะทรงเตรียมยาแก้พิษไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่อย่างว่า ทักษะทางการแพทย์ของท่านอ๋องเฉินเหนือชั้นขนาดนั้น อาการป่วยของท่านอาวุโส เขาทรงเห็นเพียงแวบเดียวก็ต้องมองออกอยู่แล้ว แต่ก็น่าเสียดาย เขากลับทรงรักษาอาการประชวนของตัวเองไม่ได้ พระชนมพรรษาคงได้อีกไม่กี่ปีแล้ว"

หยินซวางส่ายหัวของนางด้วยสีหน้าเศร้าใจ

นายหญิงเองแต่ก่อนก็ไม่เคยรังเกียจพระชนมพรรษาที่แสนสั้นของท่านอ๋องเฉิน หากไม่ใช่เพราะพระราชกฤษฎีกาฉบับนั้น บางทีนายหญิงอาจกลายเป็นพระชายาของท่านอ๋องเฉินไปนานแล้ว

"เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?" ลู่ยุ๋นหลัวตัวสั่นเทา สายตาของนางก็จับจ้องไปที่หยินซวางที่อยู่ข้าง ๆ นาง

พระชนมพรรษาคงได้อีกไม่กี่ปีหมายความว่าอย่างไร ?

หยินซวางปิดปากของนางในทันที

ชิบหายแล้ว !

นางปากพล่อยอีกแล้ว !

แล้วไอที่พูดไว้ว่าจะไม่พูดถึงท่านอ๋องเฉินต่อหน้านายหญิงล่ะ ?

หยินซวางสีหน้าหงุดหงิดโมโหตัวเอง

น่าเสียดายที่ครั้งนี้ ความคิดของลู่ยุ๋นหลัวกลับแข็งกร้าวกว่าครั้งไหน ๆ จนในที่สุดภายใต้สายตาคะยั้นคะยอของลู่ยุ๋นหลัว หยินซวางก็เล่าเรื่องอาการประชวรของท่านอ๋องเฉินออกมา 

ปรากฏว่าเมื่อสิบปีที่แล้ว เกิดโรคระบาดขึ้นในอาณาจักรตงหลาน ท่านอ๋องเฉินใช้พระวรกายตนเองในการทดลองยา จนสามารถช่วยพสกนิกรทั้งหมดให้พ้นภัยจากมหันตภัยโรคร้ายไปได้ ต่อมา เนื่องจากผลของการใช้ตนเองในการทดลองยาพร้อมกับถูกพิษประหลาดในใต้หล้าเข้าและไม่มียาใดรักษาได้ ทำให้สามารถมีพระชนมพรรษาได้ถึงแค่ 30 ปีเท่านั้น

ตั้งแต่นั้นมา ภายในใจของพสกนิกรต่างให้ท่านอ๋องเฉินเป็นผู้มีพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องเฉินทรงไม่แยแสต่อฐานันดรศักดิ์ทรัพย์สมบัติและอยู่ห่างจากการบริหารราชการแผ่นดิน เพียงแค่ความคิดเห็นของพสกนิกรเพียงอย่างเดียว อดีตจักรพรรดิองค์ก่อนเกรงว่าคงรับไม่ได้กับท่านอ๋องเช่นนี้

น่าเสียดาย เพราะเหตุพระชนมพรรษาอันสั้น ท่านอ๋องเฉินปีนี้ก็พระชนมพรรษา 25 ปีแล้วอีกทั้งยังมิได้อภิเษกอีก พอพูดขึ้นมันก็เป็นเรื่องที่คนต่างต้องร่ำไห้กันทั้งนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น