ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 153

ลู่ยุ๋นหลัวเมื่อได้เห็นอาหารสองจานนี้และซุปอีกหนึ่งอย่างก็ไม่รู้จะกล่าวเช่นไรดี แต่นางก็รู้ว่าหยินซวางก็พยายามดีที่สุดแล้ว หยินซวางยังใช้วิธีที่นางสอนเอาน้ำตาลไปเคี่ยวและผัดเป็นอาหารออกมาได้สองจานนี้ ตอนนี้นางหิวเป็นอย่างมาก จึงไม่ได้มีอารมณ์จะมาเลือกทานอะไร ควรกินให้อิ่มท้องสักหน่อย

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ลู่ยุ๋นหลัวก็มีรับสั่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ "แม่นมโจว ท่านตาคืนนี้อาจจะได้สติตื่นขึ้นมา เจ้าให้ภายในครัวคืนนี้ช่วยเตรียมทำโจ๊กรสชาติอ่อน ๆ ให้หน่อย"

"หยินซวาง เจ้าจัดแจงทำความสะอาดเรือนนี้ให้ข้าสักหนึ่งห้องที คืนนี้ข้าจะพักที่นี่"

“ส่วนอีกเรื่อง ภายในเรือนนี้ นอกจากลุงหวังแล้วคนอื่นก็ห้ามเข้าเป็นอันขาด”

ก่อนที่นางจะรู้ว่าใครคือคนร้ายตัวจริง นางจะต้องระมัดระวังให้มาก

จวนกั๋วกงติ้ง เรือนซางพิ่น

ที่แห่งนี้มีซูพิ่นเจ๋อหลานชายคนโตสายเลือดหลักของท่านตาคนรองอาศัยอยู่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องชายของลู่ยุ๋นหลัว

ท่านตาคนรองซูจางไห่เดินไปรอบ ๆ อย่างกระวนกระวายในบ้านของเขา "พวกเจ้าบอกข้าที ทำไมนางลู่ยุ๋นหลัวถึงไม่ให้พวกเราเข้าเยี่ยม ?"

วันนี้เขาขอให้แม่ของซูพิ่นเจ๋อซึ่งเป็นลูกสะใภ้คนโตของเขาหรือก็คือนางหวังไปหาที่บ้านที่ลู่ยุ๋นหลัวพำนักอยู่ชั่วคราว และถูกกีดกั้นห้ามโดยทันที ขนาดแม้แต่หน้าของท่านผู้อาวุโสก็ไม่ให้เห็น

ถ้าไม่ใช่ว่านางคนนี้ที่มีบรรดาศักดิ์ถึงนายหญิง เมื่อผู้ใหญ่ขอเข้าพบแต่นางกลับไม่ให้พบและปฏิเสธ ป่านนี้นางคงถูกโกรธและตราหน้าว่าไม่เชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ไปแล้ว

ปล่อยให้นางอาละวาดเฉกเช่นทุกวันนี้ได้เยี่ยงไร

“พิ่นเจ๋อ ทำไมเจ้าถึงไม่รีบร้อนเลยล่ะ ? ข้าได้ยินมาว่าซูหงเฟยออกไปหายาให้ปู่คนโตของเจ้าแต่เช้าแล้ว หากเจ้ายังไม่ทำอะไรอีก เมื่อถึงเวลานั้น ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของจวนกั๋วกงไม่มีทางที่จะตกไปถึงมือเจ้าได้หรอก"

ซูพิ่นเจ๋อยิ้มจาง ๆ “ท่านปู่ไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าซูหงเฟยจะไปหายาให้ท่านปูคนโตหรือจะออกไปเที่ยวชมแม่ดอกไม้งาม(เที่ยวชมแม่ดอกไม้งาม หมายถึง เที่ยวผู้หญิง)พวกเราไม่ช้าก็เร็วต้องรู้เข้าสักวัน”

ซูจางไห่เมื่อได้ยิน ตาทั้งสองข้างของเขาก็เปร่งประกายขึ้นในทันใด "เจ้าหมายความว่า..."

ซูพิ่นเจ๋อพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

คนที่เขาสั่งการไปไม่มีทางที่จะเกิดข้อผิดพลาด

"ดี ! สมกับที่เป็นหลานชายของซูจางไห่จริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คืนนี้ท่านตาก็วางใจนอนหลับได้สบายล่ะ" ซูจางไห่ตบที่ไหล่ซูพิ่นเจ๋อและจากไปด้วยรอยยิ้ม

นายหญิงท่านนั้นก็เคยกล่าวไว้แล้ว ว่าพี่ชายคนโตจะรับเลี้ยงบุตรเฉพาะผู้ที่มีคุณธรรมจริยธรรมเท่านั้น ถ้าหลานชายซูหงเฟยของน้องชายสามถูกจับได้ว่าเที่ยวชมแม่ดอกไม้งาม เกรงว่าเขาคงไม่มีหน้าเพื่อมาแข่งแย่งตำแหน่งบรรดาศักดิ์อีกหรอก ?

ในฐานะหลานชายคนโตของเขามักทำงานได้อย่างไร้ที่ติมาโดยตลอด

น่าเสียดายที่เชื้อสายตระกูลอนุของลูกชายของเขากลับไม่มีทายาทที่มีความสามารถมากเท่าไหร่นัก อย่างเช่นหลานชายคนโตของเขาผู้นี้ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วตอนอายุ 17 ปีได้ผ่านการสอบจองหงวนจนได้ลำดับถ้านฮัว

เดิมทีเขาต้องการพึ่งพาพี่ชายคนโตของเขาเพื่อช่วยเหลือความเจริญก้าวหน้าทางราชการของหลานชายเขา แต่ใครจะรู้ ว่าพี่ชายคนโตของเขาจะล้มป่วยลงเมื่อครึ่งปีก่อน

อีกทั้งหลานชายคนโตของเขายังคงเป็นเพียงแค่ข้าราชการชั้นผู้น้อยระดับหกเท่านั้น

ครั้งนี้หากเชื้อสายตระกูลของพวกเขาได้รับตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของพี่ชายคนโตขึ้นมา จะต้องเป็นเกียรติให้แก่วงศ์ตระกูลของเขาได้แน่

ซูจางไห่เดินจากออกมาได้เพียงไม่นาน ผู้ใต้บังคับบัญชาก็มารายงานให้ซูพิ่นเจ๋อทราบ

“วันนี้นางได้ออกไปข้างนอกรึเปล่า ?” ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามักจะรู้สึกเหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องสาวของเขาเหมือนจะพบอะไรบางอย่างเข้า

"เรียนคุณชาย วันนี้ทั้งวันนายหญิงไม่ได้ออกจากจวนเลย ช่วงเช้าท่านอ๋องเฉินได้เสด็จมาหาอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ทั้งสองไม่ได้ทรงพบกัน ส่วนในช่วงบ่าย นายหญิงทรงออกจากจวนไป เพื่อไปยังเรือนของท่านผู้อาวุโส จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมา"

ยังไม่ออกมาจากเรือน ?

ดวงตาของซูพิ่นเจ๋อฉายประกายแห่งความชั่วร้ายออกมา “ไอยาพวกนั้น เจ้ากำจัดเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม ?”

เมื่อดูจากสถานการณ์อาการของท่านปู่คนโต ตราบใดที่ไม่มียาแก้พิษ แม้ว่าจะไม่วางยาเพิ่ม บัวโลหิตนั่นก็ประทังชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 10 วันก็หมดฤทธิ์แล้ว

ตอนนี้นับเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการทำลายหลักฐาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น