ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 157

ลู่ยุ๋นหลัวกวาดสายตามองไปที่ผู้คนที่อยู่ด้านนอกเรือน เห็นว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของตระกูลซูก็มาแล้ว ดูเหมือนคนเหล่านี้อาจคิดว่าท่านตาของนางอาการจะกลับมาดีขึ้นในช่วงสุดท้ายของชีวิตก่อนจากไป เลยรีบมาในช่วงที่ท่าตายังมีลมหายใจเพื่อรีบตัดสินใจเกี่ยวกับการรับเลี้ยงบุตรก่อนเขาตายจากไปล่ะสิ ?

คนตระกูลซูเนี่ยนะ ไม่มีแม้สักคนเดียวที่มีจิตใจบริสุทธิ์ต่อท่านตาเลย

“นายหญิง นี่ท่านหมายความเยี่ยงไรพะยะค่ะ” ท่านตาคนรองซูจางไห่ชำเลืองมองร่างที่กำลังดื่มชาในเรือนอย่างไม่พอใจและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ลู่ยุ๋นหลัวเผยยิ้มอันอ่อนบางและเป่าชาที่เพิ่งชงเสร็จ "นี่มิใช่ความปรารถนาตั้งใจของข้า ดังนั้นเจ้าอย่าเข้าใจผิดไป"

ทหารอารักขาในจวนจึงรับฟังคำสั่งเฉพาะท่านผู้อาวุโสเท่านั้น ต่อให้เป็นคำสั่งของคนอื่นใดก็จะไม่ฟังทั้งนั้น

เรื่องนี้พวกเขาล้วนรู้ดี

มิฉะนั้นพวกเขาก็คงแอบสลับเปลี่ยนตัวทหารอารักขาเป็นคนของตัวเองตั้งนานแล้ว

“นายหญิง ท่านลองเข้าไปคุยกับพี่ชายใหญ่ให้ทีได้มั๊ยพะยะค่ะ อย่างน้อยให้พวกเราเข้าไปเยี่ยมเขาเป็นครั้งสุดท้าย ตระกูลซูนี้ยังมีตำแหน่งบรรดาศักดิ์อยู่ ถึงอย่างไรก็อย่าให้สูญเปล่าประโยชน์แบบนี้เลย" อ้างอิงกฎมณเฑียรบาลของอาณาจักรตงหลาน หากบุคคลที่มีตำแหน่งบรรดาศักดิ์ซึ่งไม่มีทายาท สามารถรับบุตรเพื่อสืบทอดตำแหน่งได้ หากเขาไม่มีทั้งทายาทหรือบุตรที่รับเลี้ยง ถ้าเช่นนั้นตำแหน่งบรรดาศักดิ์นี้ก็จะต้องสูญหายไปจริง ๆ 

“ถูกต้อง พวกเรามาจัดการเรื่องการรับบุตรกันในวันนี้ให้จบ หลังจากวันนี้จะได้ไม่ต้องมาขัดแย้งกันอีก”

ลู่ยุ๋นหลัวไม่ตอบปากรับคำใด ๆ เพียงแต่ฟังสิ่งที่พวกเขาพูดกันข้างนอกทีละประโยค ๆ อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่พวกเขาไม่เข้าไปข้างใน ไม่ว่าพวกเขาจะพูดเช่นไร ก็ปล่อยให้พูดไป

คนด้านนอกพูดเจรจากันอยู่ครึ่งวัน แต่ลู่ยุ๋นหลัวที่นั่งอยู่ด้านในยังคงนั่งดื่มชาด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ราวกับว่านางไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเลยแม้แต่น้อย

"น้องหยุนหลัว ตอนนี้เจ้าก็เป็นถึงนายหญิงของตำหนักใน อีกทั้งบ้านเดิมของเจ้าและจวนอัครมหาเสนาบดีก็ไม่เหลืออยู่แล้ว ท่านผู้อาวุโสก็ยังมาป่วยอีก สิ่งเดียวที่เจ้าจะพึ่งพาได้ต่อจากนี้ก็มีเพียงแต่ตระกูลซูของพวกเราแล้ว ถ้าตอนนี้เราสามารถตกลงกันได้ พวกเราจะต้องคิดถึงและเอื้ออาทรแก่เจ้าแน่นอน ไม่ว่าตระกูลซูของพวกเราคนไหนได้รับสืบทอดตำแหน่งบรรดาศักดิ์นี้ แน่นอนว่าหลังจากนี้ภายในราชสำนักจะต้องสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าลองคิดตริตรองถึงความสัมพันธ์นี้ให้ดีรอบคอบก่อน อย่าให้เมื่อเวลามาถึงแล้วมาตำหนิว่าตระกูลซูไม่ช่วยเหลือก็แล้วกัน" คนที่พูดคือซูหยุนเจ๋อ

จะไม่พูดก็คงไม่ได้ว่าคำพูดของซูหยุนเจ๋อผู้นี้สมเหตุสมผลมาก

การเป็นสนมของตำหนักใน ถ้าหากไม่มีตระกูลที่มีอิทธิพลใหญ่ไว้สนับสนุน ก็คงจะยากที่จะยืนหยัดได้

เขากำลังบอกนางเป็นกราย ๆ ว่าผลประโยชน์ของลู่ยุ๋นหลัวและผลประโยชน์ของตระกูลซูนั้นมีความสัมพันธ์กัน

การที่นางขัดขวางในเวลานี้ ซึ่งนั่นไม่มีผลประโยชน์ดีอะไรแก่นางเลย

ลู่ยุ๋นหลัวชำเลืองมองที่ซูหยุนเจ๋ออย่างชื่นชม

ลูกพี่ลูกน้องชายคนนี้ช่างเยี่ยมยอดจริง ๆ

"สิ่งที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลจริง ๆ !" ลู่ยุ๋นหลัวพยักหน้าอย่างใช้ความคิด

ทุกคนมองนางอย่างมีความหวัง

ถ้าคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้ว ทำไมยังไม่รีบเข้าไปรายงานอีกล่ะ ?

ถ้าท่านผู้อาวุโสหมดแรงต่อสู้จนหมดลมหายใจไป ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ไม่เท่ากับว่าสูญเปล่าหรอกเหรอ ?

“ดังนั้น พวกเจากำลังจะบอกว่าหวังให้ข้าเข้าไปช่วยรายงานให้พวกเจ้างั้นรึ ?”

ทุกคนพยักหน้าทันที พร้อมกับมองไปที่ลู่ยุ๋นหลัวอย่างคาดหวัง

ลู่ยุ๋นหลัวเรียกนางข้าหลวงมานางหนึ่ง "เจ้าเข้าไปรายงานให้ทีท่านตาคนรองและท่านตาคนสามอีกทั้งลูกพี่ลูกน้องล้วนต้องการเป็นหลานของท่านตาของข้าโดยล้วนเพื่อจะสืบทอดตำแหน่งบรรดาศักดิ์ !"

ประโยคก่อนหน้าที่ลู่ยุ๋นหลัวพูดก็ยังถือว่าดีดีอยู่

พอมาถึงท่อนสุดท้ายทำไมถึงดูฟังไม่เข้าหูนัก

มาพูดว่าล้วนเพื่อจะสืบทอดตำแหน่งบรรดาศักดิ์อะไร ?

นี่ไม่ใช่เป็นการด่าคนอ้อม ๆ อยู่หรอกเหรอ ?

ยังไม่ทันที่นางข้าหลวงคนนั้นจะเข้าไปรายงานดี ท่านผู้อาวุโสก็ได้ยินเสียงเอะอายโวยวายด้านนอกแล้ว จากนั้นก็มีเพียงไม่กี่คำที่ลอยแว่วออกมาจากด้านใน "ไสหัวไปให้หมด !"

แม้ว่าเสียงจะไม่ดัง แต่ทุกคนที่อยู่นอกเรือนก็ล้วนได้ยินทั้งสิ้น

"ได้ยินแล้วรึไม่ ท่านตาของข้าไม่อยากพบพวกเจ้า รีบไปซะ" ขณะที่พูดลู่ยุ๋นหลัวก็ได้ให้ทหารอารักขาด้านนอกเริ่มไล่ผู้คนที่อยู่นอกเรือนออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น