ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 158

“ใครยังไม่ไป ก็ลงดาบได้เลย” คนกลุ่มใหญ่แน่นขนัดและส่งเสียงดังรบกวนด้านนอกเรือน ซึ่งต้องรบกวนการพักผ่อนของท่านตาแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ เหล่าทหารอารักขาต่างก็ทยอยชักดาบออกมา คนกลุ่มนั้นยังคงคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้าทำถึงขั้นนี้ แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายก็ต้องจากไปอยู่ดี

ในที่สุดปากประตูเรือนก็เงียบสงบอีกครั้ง

ต่อจากนั้นอีกไม่กี่วัน ลู่ยุ๋นหลัวก็อาศัยอยู่ในเรือนของท่านตาตลอด ส่วนด้านนอกเรือนก็มีทหารอารักขาอยู่ไม่น้อยคุ้มกันไว้

หลายครั้งที่ท่านตาคนรองและท่านตาคนสามถูกห้ามหยุดเอาไว้เพราะพยายามฝืนเข้าไป

ในเวลาเดียวกัน ในช่วงสองวันนี้ก็มีสตรีบริสุทธิ์นางหนึ่งมาหาถึงบ้าน พร้อมกับบอกว่าซูหงเฟยทำให้ตัวนางต้องมลทิน แถมยังกระวนกระวายจะเป็นจะตายอยู่หน้าประตู และต้องการให้ซูหงเฟยแต่งงานกับนาง

โดยสรุป ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาด้านนอกเรือนวุ่นวายราวกับไก่บินหมากระโดด(ไก่บินหมากระโดด หมายถึง ความอลหม่าน) บรรยากาศวินาศสันตะโร แม้แต่ชื่อเสียงของจวนกั๋วกงติ้งก็ยังได้รับผลกระทบ 

ลู่ยุ๋นหลัวจึงโกรธโดยธรรมชาติ จนอยากจะออกไปจัดการกับคนกลุ่มนั้นสักหน่อยแต่ก็ถูกท่านตาของนางห้ามเอาไว้

“เจ้าเป็นแค่หลานสาวสกุลนอกอีกทั้งยังแต่งงานออกไปแล้ว ถ้าเจ้าออกไป เจ้ามีฐานะอะไรถึงขนาดที่จะถูกพวกเขากลั่นแกล้งรึ รอให้ร่างกายข้าดีขึ้นก่อน ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันได้เย่อหยิ่งอีก”

ลู่ยุ๋นหลัวก็คิดเช่นกัน ในตอนนี้ขอแค่ให้ท่านตาสุขภาพฟื้นตัวดีขึ้นคนเหล่านี้ก็แทบไม่มีอะไรต้องกลัว

เมื่อพูดขึ้นมา พวกเขาคงยังคิดว่าท่านตาคงไม่รอดแน่ในครั้งนี้ อีกทั้งยังไม่มีทั้งลูกชายลูกสาวและภรรยา เป็นชายชราม่ายที่โดดเดี่ยว นั่นจึงเป็นเหตุให้พวกเขาจับตามอง

สุขภาพของท่านอาวุโสได้รับการพักฟื้นโดยการฝังเข็มและรมยาทุกวันโดยลู่ยุ๋นหลัว และยังได้รับการบำรุงจากน้ำแห่งจิตวิญญาณ รวมไปถึงยาบำรุงต่าง ๆ ที่นางซื้อมาก่อนหน้านี้จนร่างกายของเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ห้าวันต่อมา ท่านตานอกจากจะลงจากเตียงและเดินไปมาได้แล้ว ใบหน้าก็ยังกลับมามีชีวิตชีวาสดใสแดงระเรื่อได้อีกครั้ง ขนาดกำลังภายในก็ฟื้นตัวมาได้แล้วสองสามส่วน

ตอนแรกคิดว่าเมื่อท่านตาหายจากอาการป่วยแล้ว ท่านตาคนรองและท่านตาคนสามก็ควรเห็นแก่หน้าของตนเองบ้าง แล้วควรที่จะเก็บข้าวของออกจากจวนนี้ไปได้แล้ว แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร ทั้งสองตระกูลกลับไม่มีท่าทีเอ่ยว่าจะย้ายออกแม้แต่น้อย

หลายสิบคนจากทั้งสองตระกูลยังคงกินและดื่มอยู่ในจวนกั๋วกงติ้ง

แม้แต่เครื่องประดับเงินทองต่าง ๆ ของผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิง อีกทั้งยังออกไปจับจ่ายซื้อของด้านนอกก็ล้วนใช้จ่ายจากเงินกองกลางของจวนกั๋วกงติ้งทั้งหมด

ส่วนเรื่องการรับเลี้ยงบุตร แม้ว่าอาการป่วยของท่านตาจะดีขึ้นแล้วก็ยังคงไม่เว้นวาย จนถึงขนาดที่ทั้งสองตระกูลรบเร้ามากขึ้นเรื่อย ๆ

ในวันนี้ เมื่อท่านตาได้ทานอาหารที่ลู่ยุ๋นหลัวปรุงด้วยมือของนางเองเสร็จ และหลังจากพักผ่อนสักพัก เขาก็สั่งให้เรียกทุกคนไปที่ห้องโถงใหญ่

วันนี้จะได้ตัดสินเรื่องการรับเลี้ยงบุตรให้จบด้วยดีสักที

หลังจากที่ทุกคนมาครบ สิ่งแรกที่ท่านอาวุโสพูดประโยคแรกคือการให้หลิวชื่อนำกุญแจคลังเก็บสมบัติมอบคืนมาและสมุดบัญชีทั้งหมดตั้งแต่ช่วงเวลาที่นางดูแลจัดการคลังเก็บสมบัติมา

“พี่ชายใหญ่ นี่เจ้าหมายความว่ายังไง ? ในช่วงที่เจ้าป่วย ขนาดหลังบ้านเจ้ายังไม่มีคนแม้แต่คนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรามาช่วยประคับประคองเจ้าไว้ จวนจวนกั๋วกงติ้งอันใหญ่โตของเจ้าป่านนี้คงวุ่นวายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น จนถึงตอนนี้ในจวนของเจ้ายังพอมีใครที่จะใช้การได้อยู่อีกเหรอ ?” ท่านตาคนสามไม่เห็นด้วยเป็นคนแรก

ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ก็เอาแต่กินดื่มอยู่ที่แห่งนี้กันอย่างไม่กังวลใจ ส่วนเงินทองก็ใช้จ่ายกันไม่กังวลใจเช่นเดียวกัน

ถ้าหากนำเอากุญแจคลังเก็บสมบัติคืนกลับไป งั้นเขาก็คงไม่สามารถมีช่วงเวลาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแบบนี้ได้อีกแล้ว

ลู่ยุ๋นหลัวมองไปท่านตาคนสามด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยาม

ก็เคยเห็นคนไร้ยางอายมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน

อย่าว่าแต่กินดื่มอยู่ที่บ้านพี่ชายตนเองเลย นี่ยังจะมาจัดการดูแลเงินของคนอื่นที่หามาได้อีก

ที่สำคัญคือทำไมยังถึงมั่นหน้ามั่นโหนกได้ถึงเพียงนี้

ที่แท้ก็คนไร้ยางอายขนาดที่จะหาใครเทียมได้

ท่านผู้อาวุโสมองน้องชายสามของเขาอยู่ครู่ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงต่อคำใด ๆ พร้อมกับเรียกทหารอารักขาเข้ามา "ทหาร เอาหลิวชื่อออกไปโบยไม้ใหญ่ 30 ครั้งแล้วก็จับไปส่งศาลาว่าการ”

นางไม่เคยได้รับอนุญาตจากเขาและยังนำเอากุญแจคลังสมบัติของจวนกั๋วกงติ้งไปโดยพลการ อีกทั้งยังใช้เงินและสิ่งของภายในนั้นอีก แบนนี้มันเรียกว่าขโมย !

การนำไปส่งศาลาว่าการนั้นก็คือการต้องถูกตัดสินลงอาญา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น