ขันทีซือรีบเงี่ยหูฟังในทันใด
“อีกไม่กี่วันอุณหภูมิจะเริ่มลดลงแล้ว ยังมีไก่ตัวผู้เจ็ดตัวและแม่ไก่อีกห้าตัวที่ลานในตำหนักข้า เจ้ากลับไปรับสั่งให้ข้ารับใช้ของตำหนักเย็นดูแลพวกมันให้ดี อย่าปล่อยให้พวกมันวิ่งไปมา เดี๋ยวจะป่วยเอาง่าย ๆ"
มุมปากของขันทีซือกระตุกเล็กน้อย
นายหญิง นี่ท่านทรงกังวลไก่ที่ท่านเลี้ยงหรอกรึ ?
"เอาล่ะ มีแค่นั้นแหละ ขันทีซือ เจ้ายังมีเรื่องอะไรอื่นอีกรึไม่ ?" ลู่ยุ๋นหลัวถาม
ขันทีซือถอนหายใจยาว ฝ่าบาท บ่าว...บ่าวทำดีที่สุดแล้ว นายหญิงอาจทรงกังวลเกี่ยวกับพืชไร่เกษตรและไก่มากกว่า...
ขันทีซือส่ายหัวและลุกจากไป
หลังจากส่งขันทีซือไปแล้ว ลู่ยุ๋นหลัวก็ออกไปจัดการธัญพืชที่เก็บไว้ในบ้านทางตอนใต้ของเมืองอย่างเร่งรีบ
ถึงอย่างไรการจะออกไปเจรจาค้าขาย การสวมใส่ชุดของชายก็สะดวกกว่าอยู่ดี
แน่นอนว่านางไม่ได้พาหยินซวางไปด้วย มิฉะนั้นเหล่าธัญพืชพวกนี้นางก็หมดหนทางจะอธิบายกับหยินซวาง
นางเดินไปรอบ ๆ ร้านขายธัญพืชร้านใหญ่และสอบถามราคาตลาด พบว่าข้าวสารเป็นธัญพืชที่มีราคาแพงที่สุดในบรรดาธัญพืชทั้งหมด
ข้าวหนึ่งโต่ว(หนึ่งโต่ว มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 5 กิโลกรัม)ราคาประมาณ 200 เหวิน หรือประมาณ 20 เหวินต่อครึ่งกิโลกรัม
มีเพียงครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยบางส่วนเท่านั้นที่สามารถจับจ่ายบริโภคได้
อย่างถ้าเป็นถั่วเหลืองก็จะมีราคาถูกกว่ามาก หนึ่งโต่วราคาเพียงแค่หกเหวินเท่านั้น
ลู่ยุ๋นหลัวจึงเลือกขายให้ร้านค้าแห่งหนึ่งและขายโดยอ้างอิงราคาตลาด
ขณะที่เถ้าแก่ที่มาดูสินค้าได้เห็นข้าวสารของลู่ยุ๋นหลัว ดวงตาก็เป็นประกายทันที เมล็ดข้าวขาวใสและอวบอิ่ม ไม่มีแม้แต่สิ่งสกปรกเจือปน
นี่คือข้าวสารคุณภาพละเอียดสูง !
อย่างที่ต้องรู้ สำหรับข้าวคุณภาพเช่นนี้ มีเพียงในวังเท่านั้นที่สามารถปลูกเมล็ดข้าวที่ละเอียดสูงเช่นนี้ได้
เขาจึงพูดอย่างตื่นเต้นในทันที "คุณชายผู้นี้ มิทราบว่าในภายภาคหน้าคุณชายจะยังมีข้าวสารคุณภาพละเอียดสูงเช่นนี้อีกรึไม่"
ลู่ยุ๋นหลัวเพียงแค่คิดที่อยากจะพยักหน้าตอบตกลง แต่พอคิดว่าครั้งต่อไปนางจะได้ออกจากวังเมื่อไหร่ นางก็ไม่รู้เช่นกัน นางได้แต่ตอบอย่างไม่มีทางเลือก "เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ใจ ถ้าคราวหน้าข้ามีสินค้าเมื่อไหร่ ข้าจะติดต่อเจ้าเป็นคนแรกให้เร็วที่สุด"
เถ้าแก่คนนั้นรู้สึกผิดหวังในทันที
แต่ถ้าลองคิดดู ธัญพืชที่คุณภาพละเอียดสูงเช่นนี้การที่มีออกมาได้สักครั้งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ระยะยาวจะไปมีขายให้ตลอดได้ที่ไหนกัน ?
ในที่สุด เถ้าแก่ก็ใจกว้างให้ราคาที่สูงกว่าราคาตลาดแก่ลู่ยุ๋นหลัว
เถ้าแก่คนนี้ใช้ได้เลยทีเดียว
เขาอาจจะต้องการให้ครั้งหน้าที่ลู่ยุ๋นหลัวมีธัญพืชคุณภาพระดับนี้จะจัดหาให้เขาก่อนเป็นคนแรก
หลังจากจัดการธัญพืชเสร็จ ลู่ยุ๋นหลัวก็ไม่ได้อยู่ต่อและกลับจวนไปในทันที
เพียงแต่ตอนที่กลับมาในวันนี้ ที่ประตูก็มีคนเพิ่มมาอีกสองคน
คนหนึ่งเป็นชายในชุดสีม่วงนั่งอยู่บนรถเข็นและจ้องมองไปที่ประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงติ้งด้วยความฉงน
ทางด้านหลังก็มีทหารอารักขาที่คอยคุ้มกันตรงประตูอยู่ข้าง ๆ เขาคนหนึ่ง
จนกระทั่งลู่ยุ๋นหลัวเดินเข้าไปใกล้ ชายที่นั่งบนรถเข็นก็เพิ่งสังเกตเห็นและหันหน้ากลับมา จนมองเห็นลู่ยุ๋นหลัวในชุดของผู้ชาย
ดูเหมือนชายคนนั้นพริบตาก็จำนางได้ในทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ "เจ้าก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย"
ลู่ยุ๋นหลัวก็ยิ้มเช่นกัน "แน่นอน ข้านั้นอายุ 18 ตลอดกาล ไม่สิ อายุ 15 ตลอดการ ก็ยังไม่ใช่ ท่านน้า ท่านจากบ้านออกไปตั้งแต่ข้าแค่ 10 ขวบ อีกทั้งตอนนี้ข้าก็คือสตรีที่ปลอมเป็นชาย เจ้ามองข้าออกได้เยี่ยงไร ?”
ไม่มีทาง จะบอกว่าตอนนี้นางยังคงเหมือนตอนที่อายุ 10 ขวบหรอกนะ ?
ซูโม่หลานยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร "เข็นข้าเข้าไปเถอะ"
"ได้เลย ! นั่งให้ดี ๆ ล่ะ !" ลู่ยุ๋นหลัวผลักรถเข็นของซูโม่หลานไปจนถึงประตูใหญ่ บนใบหน้าก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้ม
ดีที่สุดเลย !
ในที่สุดน้าชายของนางก็กลับมาสักที
แต่ก็ทำให้หัวใจของนางแตกสลายไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าขาทั้งสองข้างเดินไม่ได้หรอกเหรอ ?
ดูนางนี่ !
นางไม่เชื่อว่าฝีมือทางการแพทย์ของนางจะรักษาให้หายไม่ได้ ?
ลู่ยุ๋นหลัวคิดว่าหากท่านตามาเห็นท่านน้าเข้าจะตื่นเต้นจนเป็นลมไปรึไม่ นางจึงเตรียมยาเม็ดบำรุงหัวใจให้พร้อมทุกเมื่ออยู่ด้านข้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...