ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 161

ขันทีซือรีบเงี่ยหูฟังในทันใด

“อีกไม่กี่วันอุณหภูมิจะเริ่มลดลงแล้ว ยังมีไก่ตัวผู้เจ็ดตัวและแม่ไก่อีกห้าตัวที่ลานในตำหนักข้า เจ้ากลับไปรับสั่งให้ข้ารับใช้ของตำหนักเย็นดูแลพวกมันให้ดี อย่าปล่อยให้พวกมันวิ่งไปมา เดี๋ยวจะป่วยเอาง่าย ๆ"

มุมปากของขันทีซือกระตุกเล็กน้อย

นายหญิง นี่ท่านทรงกังวลไก่ที่ท่านเลี้ยงหรอกรึ ?

"เอาล่ะ มีแค่นั้นแหละ ขันทีซือ เจ้ายังมีเรื่องอะไรอื่นอีกรึไม่ ?" ลู่ยุ๋นหลัวถาม

ขันทีซือถอนหายใจยาว ฝ่าบาท บ่าว...บ่าวทำดีที่สุดแล้ว นายหญิงอาจทรงกังวลเกี่ยวกับพืชไร่เกษตรและไก่มากกว่า...

ขันทีซือส่ายหัวและลุกจากไป

หลังจากส่งขันทีซือไปแล้ว ลู่ยุ๋นหลัวก็ออกไปจัดการธัญพืชที่เก็บไว้ในบ้านทางตอนใต้ของเมืองอย่างเร่งรีบ

ถึงอย่างไรการจะออกไปเจรจาค้าขาย การสวมใส่ชุดของชายก็สะดวกกว่าอยู่ดี

แน่นอนว่านางไม่ได้พาหยินซวางไปด้วย มิฉะนั้นเหล่าธัญพืชพวกนี้นางก็หมดหนทางจะอธิบายกับหยินซวาง

นางเดินไปรอบ ๆ ร้านขายธัญพืชร้านใหญ่และสอบถามราคาตลาด พบว่าข้าวสารเป็นธัญพืชที่มีราคาแพงที่สุดในบรรดาธัญพืชทั้งหมด

ข้าวหนึ่งโต่ว(หนึ่งโต่ว มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 5 กิโลกรัม)ราคาประมาณ 200 เหวิน หรือประมาณ 20 เหวินต่อครึ่งกิโลกรัม

มีเพียงครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยบางส่วนเท่านั้นที่สามารถจับจ่ายบริโภคได้

อย่างถ้าเป็นถั่วเหลืองก็จะมีราคาถูกกว่ามาก หนึ่งโต่วราคาเพียงแค่หกเหวินเท่านั้น

ลู่ยุ๋นหลัวจึงเลือกขายให้ร้านค้าแห่งหนึ่งและขายโดยอ้างอิงราคาตลาด

ขณะที่เถ้าแก่ที่มาดูสินค้าได้เห็นข้าวสารของลู่ยุ๋นหลัว ดวงตาก็เป็นประกายทันที เมล็ดข้าวขาวใสและอวบอิ่ม ไม่มีแม้แต่สิ่งสกปรกเจือปน

นี่คือข้าวสารคุณภาพละเอียดสูง !

อย่างที่ต้องรู้ สำหรับข้าวคุณภาพเช่นนี้ มีเพียงในวังเท่านั้นที่สามารถปลูกเมล็ดข้าวที่ละเอียดสูงเช่นนี้ได้

เขาจึงพูดอย่างตื่นเต้นในทันที "คุณชายผู้นี้ มิทราบว่าในภายภาคหน้าคุณชายจะยังมีข้าวสารคุณภาพละเอียดสูงเช่นนี้อีกรึไม่"

ลู่ยุ๋นหลัวเพียงแค่คิดที่อยากจะพยักหน้าตอบตกลง แต่พอคิดว่าครั้งต่อไปนางจะได้ออกจากวังเมื่อไหร่ นางก็ไม่รู้เช่นกัน นางได้แต่ตอบอย่างไม่มีทางเลือก "เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ใจ ถ้าคราวหน้าข้ามีสินค้าเมื่อไหร่ ข้าจะติดต่อเจ้าเป็นคนแรกให้เร็วที่สุด"

เถ้าแก่คนนั้นรู้สึกผิดหวังในทันที

แต่ถ้าลองคิดดู ธัญพืชที่คุณภาพละเอียดสูงเช่นนี้การที่มีออกมาได้สักครั้งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ระยะยาวจะไปมีขายให้ตลอดได้ที่ไหนกัน ?

ในที่สุด เถ้าแก่ก็ใจกว้างให้ราคาที่สูงกว่าราคาตลาดแก่ลู่ยุ๋นหลัว

เถ้าแก่คนนี้ใช้ได้เลยทีเดียว

เขาอาจจะต้องการให้ครั้งหน้าที่ลู่ยุ๋นหลัวมีธัญพืชคุณภาพระดับนี้จะจัดหาให้เขาก่อนเป็นคนแรก

หลังจากจัดการธัญพืชเสร็จ ลู่ยุ๋นหลัวก็ไม่ได้อยู่ต่อและกลับจวนไปในทันที

เพียงแต่ตอนที่กลับมาในวันนี้ ที่ประตูก็มีคนเพิ่มมาอีกสองคน

คนหนึ่งเป็นชายในชุดสีม่วงนั่งอยู่บนรถเข็นและจ้องมองไปที่ประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงติ้งด้วยความฉงน

ทางด้านหลังก็มีทหารอารักขาที่คอยคุ้มกันตรงประตูอยู่ข้าง ๆ เขาคนหนึ่ง

จนกระทั่งลู่ยุ๋นหลัวเดินเข้าไปใกล้ ชายที่นั่งบนรถเข็นก็เพิ่งสังเกตเห็นและหันหน้ากลับมา จนมองเห็นลู่ยุ๋นหลัวในชุดของผู้ชาย

ดูเหมือนชายคนนั้นพริบตาก็จำนางได้ในทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ "เจ้าก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย"

ลู่ยุ๋นหลัวก็ยิ้มเช่นกัน "แน่นอน ข้านั้นอายุ 18 ตลอดกาล ไม่สิ อายุ 15 ตลอดการ ก็ยังไม่ใช่ ท่านน้า ท่านจากบ้านออกไปตั้งแต่ข้าแค่ 10 ขวบ อีกทั้งตอนนี้ข้าก็คือสตรีที่ปลอมเป็นชาย เจ้ามองข้าออกได้เยี่ยงไร ?”

ไม่มีทาง จะบอกว่าตอนนี้นางยังคงเหมือนตอนที่อายุ 10 ขวบหรอกนะ ?

ซูโม่หลานยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร "เข็นข้าเข้าไปเถอะ"

"ได้เลย ! นั่งให้ดี ๆ ล่ะ !" ลู่ยุ๋นหลัวผลักรถเข็นของซูโม่หลานไปจนถึงประตูใหญ่ บนใบหน้าก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้ม

ดีที่สุดเลย !

ในที่สุดน้าชายของนางก็กลับมาสักที

แต่ก็ทำให้หัวใจของนางแตกสลายไปแล้ว

ไม่ใช่ว่าขาทั้งสองข้างเดินไม่ได้หรอกเหรอ ?

ดูนางนี่ !

นางไม่เชื่อว่าฝีมือทางการแพทย์ของนางจะรักษาให้หายไม่ได้ ?

ลู่ยุ๋นหลัวคิดว่าหากท่านตามาเห็นท่านน้าเข้าจะตื่นเต้นจนเป็นลมไปรึไม่ นางจึงเตรียมยาเม็ดบำรุงหัวใจให้พร้อมทุกเมื่ออยู่ด้านข้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น